Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
Key Takeaways
- โรคแพนิคเป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
- อาการ โรคแพนิคคือผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัว วิตกกังวล กระวนกระวายใจ ตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันทีโดยไม่มีสาเหตุ ใจสั่น แน่นหน้าอก ปั่นป่วนภายในท้อง มือสั่น ตั่วสั่น เหงื่อออกมาก หนาวๆ ร้อน ๆ
- สามารถรักษาได้ด้วยการปรึกษาจิตแพทย์ รับประทานยา และการทำจิตบำบัดร่วมด้วย
โรคแพนิคคืออะไร ส่งผลกระทบอย่างไรต่อชีวิต?
“โรคแพนิค” (Panic Disorder) หรือโรคตื่นตระหนกจัดเป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ อาการของโรคแพนิคคือผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัว วิตกกังวล กระวนกระวายใจ ตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันทีโดยไม่มีสาเหตุ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยมักมีอาการกลัวถึงขีดสุดภายใน 10 นาที และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น มักจะคงอยู่ไม่เกิน 20-30 นาที วิธีการรับมือกับอาการและตัวโรคคือการปรึกษาจิตแพทย์และรับประทานยาร่วมกับการทำจิตบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติยิ่งขึ้น
BeDee Tips: โรคแพนิหาหมออะไร ปรึกษาจิตแพทย์ที่ไหนดี? อ่านเลย!
สาเหตุของโรคแพนิคเกิดจากอะไร ?

โรคแพนิคมักทำให้ผู้ป่วยมีอาการ “แพนิค” หรือ ตกใจกลัวอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน และมักเกิดซ้ำ ๆ จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน โรคแพนิคเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
- สาเหตุทางด้านร่างกาย ผู้ป่วยมีปัญหาจากการทำงานของสมองหรือความผิดปกติจากสารสื่อประสาท เช่น นอร์อิพิเนฟริน ซีโรโทนิน และ GABA เป็นต้น ระบบประสาทอัตโนมัติซิมพาเธติกตอบสนองมากเกินไป ปรับตัวต่อสิ่งกระตุ้นเดิม ๆ ได้ช้า ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง หรือสารบางชนิด
- สาเหตุทางด้านกรรมพันธุ์ ผู้ป่วยที่มีญาติใกล้ชิดเป็นโรคแพนิคมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคแพนิค 4-8 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
- สาเหตุทางด้านจิตใจและสังคม ผู้ป่วยมักประสบกับเหตุการณ์เครียดในชีวิต เครียดเรื่องงาน หรือ มีโรคเครียดก่อนที่จะเกิดอาการแพนิค และมักเกิดความเครียดจากเหตุการณ์นั้น ๆ มากกว่าคนทั่วไป หรือผู้ที่ถูกแยกจากแม่ตั้งแต่ช่วงเด็ก ๆ คนที่เคยถูกทารุณกรรมทางกาย และทางเพศ มักจะเป็นโรคแพนิคมากกว่าคนทั่วไป
BeDee Tips: อาการทางจิตสังเกตยังไง เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์ อ่านเพิ่มเติมเลย
โรคแพนิคอาการเป็นอย่างไร ?
สิ่งที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยโรคแพนิคคือมักมีอาการโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน และมักทำให้ผู้ป่วยรู้สึก “เหมือนกำลังจะตาย” หรือ “ควบคุมตัวเองไม่ได้” แม้ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย โรคแพนิคมีอาการทั่วไปที่พบได้บ่อยดังนี้
- ใจสั่น ใจเต้นแรง แน่นหน้าอก
- ปั่นป่วนภายในท้อง
- มือสั่น ตั่วสั่น
- เหงื่อออกมาก หนาวๆ ร้อน ๆ
- หายใจถี่ หายใจตื้น หายใจไม่อิ่ม
- วิงเวียน โคลงเคลง รู้สึกตัวลอย คล้ายจะเป็นลม
- รู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะกลัวตาย
- ควบคุมตัวเองไม่ได้
- อยู่คนเดียวไม่ได้
สงสัยโรคแพนิคอย่าปล่อยไว้รีบปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และนักจิตบำบัด
ที่แอป BeDee สะดวก ไม่ต้องเดินทาง
โรคแพนิคมีวิธีรักษาอย่างไร?
โรคแพนิครักษาหายไหม? ผู้ป่วยที่เป็นโรคแพนิคหลังจากได้รับการรักษาจะมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งการรักษาหลักที่ได้ผล ได้แก่ การรับประทานยา การทำจิตบำบัดชนิด Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม การทำครอบครัวบำบัด และกลุ่มบำบัด จะช่วยทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวปรับตัวต่อโรคได้ดี นอกเหนือจากนี้แพทย์จะให้ความรู้เกี่ยบกับโรคแพนิคเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าตัวโรคไม่ทำให้เสียชีวิต ชี้แจงให้ทราบถึงสาเหตุของโรค อาการโดยทั่วไป การวินิจฉัยโรค และแผนการรักษา เพิ่มทักษะการผ่อนคลาย ทำให้ผู้ป่วยสามารถคาดการณ์และรับมือกับโรคได้
รักษาโรคแพนิคด้วยจิตบำบัด
การทำจิตบำบัดชนิด Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม เป็นการรักษาที่ได้ผลที่สุด และดีกว่าการรักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว นักจิตบำบัดจะมุ่งเน้นไปที่การปรับความเชื่อกับอาการทางกายที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยหลายคนกังวลว่าโรคแพนิคอันตรายไหม ซึ่งการทำ CBT จะช่วยให้ผู้ป่วยปรับมุมมองที่มีต่อความรู้สึกกลัวและตัวโรคว่าแท้จริงแล้วไม่ได้อันตรายและน่ากลัวอย่างที่คิด เน้นให้คนไข้ปรับพฤติกรรมและค่อย ๆ เผชิญกับความกลัวของตนเอง สิ่งสำคัญคือการฝึกให้ผู้ป่วยรับมือเมื่ออาการกำเริบขึ้น สอนให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคการผ่อนคลายด้วยวิธีต่างๆ เช่น หายใจช้า ๆ เพื่อให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
รักษาโรคแพนิคด้วยยา
องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ระบุว่า ผู้ป่วยควรรับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อย 8-12 เดือน หากอาการดีขึ้นจึงจะสามารถลดยาตามคำสั่งของแพทย์ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ กลุ่มยาที่ใช้รักษาโรคแพนิคมีดังนี้
- ยาต้านเศร้ากลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs) เป็นยาหลักที่นำมาใช้รักษาโรคแพนิค
- ยาคลายกังวล กลุ่ม Benzodiazepine เป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็วที่สุด แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานเฉพาะเวลามีอาการ เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่าอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการพึ่งพาต่อยาได้แต่พบได้ไม่มากนัก เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นจึงควรค่อย ๆ ลดปริมาณยา
นอกจากนี้ยังมียากลุ่มอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้รักษาโรคแพนิคได้ เช่น Tricyclic และ Tetracyclic Drugs และกลุ่ม Monoamine Oxidase Inhibitors
วิธีการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคแพนิค
ผู้ป่วยโรคแพนิคสามารถดูแลตัวเองได้เบื้องต้นเพื่อช่วยบรรเทาหรือลดอาการแพนิคที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยวิธีดังนี้
- ฝึกการผ่อนคลายด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น หายใจเข้าออกช้า ๆ กำหนดลมหายใจ
- พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมเงียบสงบที่ทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายก่อนที่จะเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้สงบลงก่อนที่จะเข้านอน เช่น อ่านหนังสือธรรมะ นั่งสมาธิ ฟังเพลงผ่อนคลาย อ่านตำราเรียน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากหรือออกอย่างหนัก สามารถออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินเร็ว โยคะ ว่ายน้ำ หรือเต้นเบา ๆ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน น้ำอัดลม เพราะอาจกระตุ้นอาการแพนิคได้
- ไม่ใช้สารเสพติด
- ฝึกมองโลกในแง่บวก เพื่อลดความวิตกกังวล ฟุ้งซ่าน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคแพนิค
1. โรคแพนิคอันตรายไหม?
โรคแพนิคเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ไม่ได้เกิดจากโรคทางกายอื่น ๆ ดังนั้นโรคนี้ไม่เป็นอันตราย และผู้ป่วยจะไม่เสียชีวิตจากโรคนี้ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยควรได้รับการตรวจจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยแยกโรคทางกายออกก่อนที่จะวินิจฉัยโรคแพนิคจริง ๆ เนื่องจากโรคหัวใจ หรือโรคปอด ที่อาจมีอาการคล้ายกันนี้ิ อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
2. ยารักษาแพนิคมีผลข้างเคียงไหม?
ยารักษาโรคแพนิคสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มยาต้านเศร้า SSRIs และยาคลายกังวลกลุ่ม Benzodiazepine
ผู้ป่วยอาจพบผลข้างเคียงในช่วงแรกของการรับประทานยากลุ่มต้านเศร้าโดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรก หลังจากนั้นผลข้างเคียงจะค่อย ๆ ดีขึ้นหากรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น คลื่นไส้ มีอาการทางระบบทางเดินอาหารอื่น ๆ ทำให้น้ำหนักลด ปวดศีรษะ ปากแห้ง มีปัญหาการนอน ทั้งง่วงนอน หรือนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย มือสั่น หรือมีปัญหาเรื่องเพศ
ยาคลายกังวลกลุ่ม Benzodiazepine ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ง่วงนอน ซึม เหนื่อยล้า เวียนศีรษะ เซ พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง ขี้ลืม สับสน ตกใจง่าย กังวลมากขึ้น
3. โรคแพนิครักษาหายไหม?
โรคแพนิคหายเองได้ไหม? ตัวโรครักษาและหายได้ด้วยการปรึกษาจิตแพทย์ แต่ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้กลายเป็นโรคเรื้อรัง และรักษายากขึ้นเรื่อย ๆ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 30-40 ไม่มีอาการในระยะยาว ประมาณร้อยละ 50 เมื่อติดตามระยะยาวอาจมีอาการหลงเหลือเพียงเล็กน้อย ไม่กระทบชีวิตอย่างชัดเจน และประมาณร้อยละ 10-20 จะยังคงมีอาการในระยะยาว
สงสัยโรคแพนิคปรึกษาจิตแพทย์ได้เลย!
โรคแพนิคถึงแม้จะดูเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิตแต่สร้างอุปสรรคในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ตัวโรคสามารถรักษาได้ด้วยการปรึกษาจิตแพทย์ รับประทานยา และการทำจิตบำบัดร่วมด้วย การพูดคุยกับจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป ผู้ป่วยสามารถปรึกษาผ่านแอปพลิเคชันเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
BeDee พบหมอเฉพาะทางเครือ BDMS ได้ทันที ไม่ต้องรอ ส่งยาทั่วไทย มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล พื้นที่ปลอดภัย สู่สุขภาพใจที่ดีกว่า โดยบุคลากรมืออาชีพ
สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee’s experts
พญ.มัญชุกร ลีละตานนท์
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Reference
Panic disorder. (2023, August 22). NHS. https://www.nhs.uk/mental-health/conditions/panic-disorder/
Mental Health First Aid (MHFA) course. (n.d.). Better Health. https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/ServicesAndSupport/mental-health-first-aid-course#the-algee-action-plan
Panic Disorder. (n.d.). CAMH. https://www.camh.ca/en/health-info/mental-illness-and-addiction-index/panic-disorder