BeDee

อักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย สัญญาณเตือนที่บอกถึงความผิดปกติ

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

  • การอักเสบ คือกระบวนการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
  • การอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดอาการ อ่อนเพลียเรื้อรัง ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ ปัญหาทางเดินอาหาร น้ำหนักเปลี่ยนแปลง เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่บ่อยครั้ง
  • สามารถตรวจ CRP (C-reactive protein) เพื่อดูการอักเสบในร่างกายได้ เลือกซื้อแพ็กเกจราคาพิเศษจาก N Health เครือ BDMS ได้ที่เว็บไซต์ Health Plaza
สารบัญบทความ

การอักเสบคืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อร่างกาย

การอักเสบ (Inflammation) คือกระบวนการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายและเริ่มกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย การอักเสบแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ การอักเสบเฉียบพลัน (Acute inflammation) เช่น การอักเสบจากบาดแผล แผลติดเชื้อ เจ็บคอจากหวัด และอาการบวม แดง ร้อน เจ็บ และอีกประเภทคือการอักเสบเรื้อรัง (Chronic inflammation)

อาการอักเสบเรื้อรัง

เกิดขึ้นเมื่อการอักเสบดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดสิ่งกระตุ้นได้หมด หรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในระยะยาว

ปัจจุบันเราสามารถตรวจการอักเสบในร่างกายได้ด้วยการตรวจ CRP (C-reactive protein) คือการตรวจโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างโดยตับเมื่อร่างกายมีการอักเสบ หรือการติดเชื้อ เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ (ฺBiomarker) สำคัญที่แพทย์ใช้ในการประเมินระดับการอักเสบภายในร่างกาย

ช้อปแพ็กเกจตรวจการอักเสบในร่างกาย ราคาพิเศษจาก N Health ในเครือ BDMS 

พร้อมส่วนลด On Top ได้ที่นี่

สัญญาณเตือนเมื่อร่างกายเกิดการอักเสบมีอะไรบ้าง ?

สัญญาณเตือน การอักเสบ

การเกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังเป็นเวลานาน อาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดสิ่งกระตุ้นได้หมด หรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในระยะยาว สัญญาณเตือนที่พบได้ เช่น

  • อ่อนเพลียเรื้อรัง รู้สึกเหนื่อยล้าแม้จะพักผ่อนเพียงพอ
  • ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ รู้สึกปวดหรือไม่สบายในข้อหรือกล้ามเนื้อ
  • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือกรดไหลย้อน
  • น้ำหนักเปลี่ยนแปลง น้ำหนักเพิ่มหรือลดโดยไม่ตั้งใจ
  • ติดเชื้อบ่อย เช่น เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่บ่อยครั้ง
  • ปัญหาผิวหนัง เช่น ผื่น หรืออาการคัน
  • ปัญหาทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้าโรควิตกกังวล หรืออารมณ์แปรปรวน

การอักเสบเกิดจากสาเหตุใด?

สาเหตุของการอักเสบเกิดจากการที่ร่างกายพยายามปกป้องตัวเองจากสิ่งกระตุ้นหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งจากภายนอกหรือภายใน โดยสามารถแบ่งสาเหตุหลักได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

  1. สาเหตุจากภายนอกร่างกาย (External Causes)
  • การติดเชื้อ แบคทีเรีย, ไวรัส, เชื้อรา, ปรสิต
  • การบาดเจ็บทางกายภาพ แผลถลอก, ฟกช้ำ, การผ่าตัด, กระดูกหัก
  • สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เศษไม้ เสี้ยน ฝุ่น ผง ซิลิโคน ฯลฯ
  • สารเคมีระคายเคือง สารพิษ, ควันบุหรี่, ฝุ่นพิษ (PM2.5), สารเคมีอุตสาหกรรม
  1. สาเหตุจากภายในร่างกาย (Internal Causes)

  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune) SLE, ข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคลำไส้อักเสบ
  • โรคเรื้อรัง เบาหวาน, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, ไขมันพอกตับ
  • ความเสื่อมของเซลล์ เซลล์สมองหรือเซลล์หัวใจที่ตายหรืออ่อนแอ
  • ฮอร์โมนผิดปกติโรคเครียดเรื้อรัง กระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอลจนเกิดการอักเสบทั่วร่างกาย
  • ไขมันสะสมมากเกิน โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง

วิธีดูแลตัวเองและป้องกันอาการอักเสบ

การดูแลสุขภาพตัวเองอย่างถูกต้องเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเราเกิดการอักเสบเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือโรคภูมิแพ้เรื้อรัง สามารถทำได้ดังนี้

    • พักผ่อนให้เพียงพอ
      นอนหลับวันละ 7–9 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและลดการอักเสบ

    • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ
      เช่น อาหารทอด น้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารแปรรูป

    • กินอาหารต้านการอักเสบ
      เช่น เนื้อปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ผักใบเขียว (ผักโขม, คะน้า) ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระตระกูลเบอร์รี่ (บลูเบอร์รี, เชอร์รี) ขมิ้นชัน ขิง กระเทียม

    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
      อย่างน้อย 150 นาที / สัปดาห์ เช่น เดินเร็ว วิ่ง โยคะ ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังที่ใช้แรงต้าน (Weight Training)

    • หลีกเลี่ยงความเครียด
      เพราะความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ควรฝึกสมาธิ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย ฝึกลมหายใจ

    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
      เพราะเป็นตัวกระตุ้นการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการอักเสบ

1. อาหารที่มีน้ำตาลสูงและอาหารที่มีไขมันสูงทำให้เกิดการอักเสบจริงไหม?

อาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันสูงสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้จริง โดยเฉพาะการอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน หัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม ตัวอย่างอาหาร เช่น น้ำหวาน, น้ำอัดลม, เบเกอรี่, ขนมหวาน, ซีเรียลน้ำตาลสูง, น้ำผลไม้กล่อง

2. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายเกิดการอักเสบ ?

หากสงสัยว่าร่างกายเกิดการอักเสบเรื้อรังสามารถรับการตรวจ CRP (C-reactive protein) หรือการตรวจโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างโดยตับเมื่อร่างกายมีการอักเสบ หรือการติดเชื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้สำคัญที่แพทย์ใช้ในการประเมินระดับการอักเสบภายในร่างกาย

อักเสบเรื้อรังภัยเงียบต่อสุขภาพ ควรรีบตรวจ

การอักเสบเรื้อรังเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพโดยไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่จัดการ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรังรุนแรงหลายอย่าง เช่น เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มความเสี่ยงสมองเสื่อม ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ในอนาคต

 

ช้อปแพ็กเกจสุขภาพได้เลยที่ N Health บนเว็บไซต์ Health Plaza รวมแพ็กเกจตรวจสุขภาพมาตรฐาน BDMS สะดวก ใช้งานง่าย พร้อมส่วนลด On Top 

 

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @healthplaza

Content powered by BeDee Expert

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Inflammation. (2024, March 3). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/21660-inflammation?utm_source=chatgpt.com

Pahwa, R., Goyal, A., & Jialal, I. (2023, August 7). Chronic Inflammation. Nih.gov; StatPearls Publishing. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK493173/?utm_source=chatgpt.com

Felman, A. (2020, April 13). Everything you need to know about inflammation. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/248423?utm_source=chatgpt.com#treatment

Exit mobile version