Key Takeaways สะดุ้งตื่นเกิดจากการกระตุกของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วในขณะที่ร่างกายของเรากำลังจะเข้าสู่ภาวะหลับลึก ทำให้เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาชั่วขณะ อาการสะดุ้งตื่นสามารถพบได้ในคนทั่วไป แต่มักพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก หากมีปัญหาสะดุ้งตื่นบ่อย นอนไม่หลับ นอน

มะเร็งทวารหนัก ภัยเงียบโรคร้ายที่เกิดจากเชื้อ HPV
Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
Key Takeaways
- มะเร็งทวารหนักคือมะเร็งชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18
- อาการที่พบ เช่น ท้องเสีย ท้องผูก เลือดออกทางทวารหนักมีก้อนแข็ง หรือแผลบริเวณรูทวาร มีน้ำหนองไหล
- ป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีน HPV เลือกซื้อแพ็กเกจตรวจคัดกรองราคาพิเศษจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS ได้ที่ Health Plaza
มะเร็งทวารหนักคืออะไร อันตราอย่างไรบ้าง?
มะเร็งทวารหนัก (Anal Cancer) คือมะเร็งชนิดหนึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณทวารหนัก (Anus) ซึ่งเป็นส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่เป็นช่องทางในการขับถ่ายอุจจาระออกจากร่างกาย มะเร็งทวารหนักสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การจูบ มะเร็งทวารหนักพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีปัจจัยเสี่ยงร่วม เช่น การติดเชื้อ HPV หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
การตรวจคัดกรอง ตรวจสุขภาพประจําปี หรือสังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออก เจ็บปวดบริเวณทวารหนัก หรือคลำพบก้อน เป็นวิธีที่ช่วยให้พบโรคตั้งแต่ระยะแรกและช่วยเพิ่มโอกาสในรักษา นอกจากนี้ยังควรฉีดวัคซีน HPV เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ช้อปแพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งทวารหนัก ราคาพิเศษจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS
พร้อมส่วนลด On Top ได้ที่นี่
อาการมะเร็งทวารหนักในแต่ละระยะเป็นอย่างไร?

อาการมะเร็งทวารหนักจะมีอาการแตกต่างกันออกไปตามแต่ละระยะของโรค ซึ่งจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามรายละเอียดดังนี้
มะเร็งทวารหนักระยะที่ 1
- มีเลือดออกทางทวารหนักเล็กน้อย
- รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บขณะขับถ่าย
- อาจคลำพบก้อนเล็กบริเวณปากทวารหรือในทวารหนัก
- มักไม่มีอาการแสดงชัดเจน ยังไม่ลุกลาม
มะเร็งทวารหนักระยะที่ 2
- เลือดออกมากขึ้น หรือบ่อยขึ้นระหว่างหรือหลังการขับถ่าย
- ปวดหรือรู้สึกกดเจ็บในทวารหนัก
- คลำพบก้อนขนาดใหญ่ขึ้น หรือรู้สึกอุดตันขณะชับถ่าย
- อาจพบการบวมบริเวณขาหนีบ หากต่อมน้ำเหลืองได้รับผลกระทบ
มะเร็งทวารหนักระยะที่ 3
- ปวดมากบริเวณทวารหนักหรืออุ้งเชิงกราน
- เลือดออกมากขึ้นเรื่อย ๆ
- อาจมีของเหลวหรือหนองออกจากทวาร
- มีอาการบวมบริเวณขาหนีบ หรือคลำพบต่อมน้ำเหลืองโต
- ขับถ่ายลำบาก
มะเร็งทวารหนักระยะที่ 4
- อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดกระดูก ปวดท้อง
- อาจมีอาการดีซ่าน (หากลุกลามไปตับ)
- หายใจลำบาก หรือไอเรื้อรัง (หากแพร่ไปปอด)
- ต่อมน้ำเหลืองโตหลายตำแหน่งทั่วร่างกาย
อาการมะเร็งทวารหนักเป็นอย่างไร สัญญาณที่สังเกตได้?
มะเร็งทวารหนักอาการเริ่มต้นมักไม่รุนแรง อาการของโรคมักแสดงให้เห็นชัดเมื่อเริ่มลุกลาม โดยสัญญาณที่สังเกตได้ เช่น
- ท้องเสีย ท้องผูก
- ปวดท้อง
- เลือดออกทางทวารหนักอาจปนมากับอุจจาระ หรือหยดออกขณะเช็ด
- เจ็บ แสบ ปวดขณะขับถ่าย
- มีก้อนแข็ง หรือแผลบริเวณรูทวาร มีน้ำหนองไหล
- อุจจาระผิดปกติเช่น บางลง, อุจจาระมีขนาดเล็ก, หรือถ่ายไม่สุด
- ทวารหนักบวม คัน ระคายเคือง
- ปวด หรือรู้สึกไม่สบายในอุ้งเชิงกราน
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
มะเร็งทวารหนักมีสาเหตุเกิดจากอะไร?

มะเร็งทวารหนักมักมีสาเหตุหลักคือการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) และพฤติกรรมหรือภาวะที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรังบริเวณทวารหนัก
- การติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- การสูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงของการกลายพันธุ์ของเซลล์
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- มีประวัติมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งอวัยวะเพศที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อ HPV
- มีภาวะอักเสบเรื้อรังบริเวณทวารหนัก เช่น แผลเรื้อรัง ฝี หรือการระคายเคืองบ่อยครั้ง
- มีคู่นอนหลายคน
- อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
การวินิจฉัยมะเร็งทวารหนักทำอย่างไร?
การวินิจฉัยโรคมะเร็งทวารหนักจำเป็นต้องใช้การตรวจหลายอย่างประกอบกัน โดยทั่วไปวิธีการที่ใช้มีดังนี้
- ซักประวัติและตรวจร่างกาย
ซักประวัติเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงมะเร็งทวารหนัก เช่น การติดเชื้อ HPV, HIV, พฤติกรรมทางเพศ และประเมินอาการเบื้องต้น เช่น เลือดออก ปวดหรือมีก้อนที่ทวารหนัก
- การตรวจด้วยกล้อง (Anoscopy)
ใช้กล้องส่องดูภายในทวารหนัก หากพบจุดผิดปกติสามารถเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อส่งตรวจได้ทันที
- ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
แพทย์จะใช้เครื่องมือเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันว่าเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่
- การตรวจภาพรังสี (Imaging)
หลังยืนยันมะเร็ง จะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูขนาดและระยะของโรคด้วยการทำ CT scan, MRI, หรือ PET scan เพื่อดูการลุกลาม
มะเร็งทวารหนักมีวิธีการรักษาอย่างไร?

วิธีการรักษามะเร็งทวารหนักนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และชนิดของเซลล์มะเร็งที่ตรวจพบ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลักดังนี้
1. เคมีบำบัดร่วมกับรังสี (Chemoradiation Therapy: CRT)
การทำเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีเป็นแนวทางหลักในการรักษามะเร็งทวารหนักในระยะที่ยังไม่ลุกลามมาก เช่น ระยะที่ 1-3 โดยแพทย์จะให้ยาเคมีบำบัดพร้อมกับฉายรังสี
2. การผ่าตัด (Surgery)
การรักษามะเร็งทวารหนักด้วยการผ่าตัดมักใช้ในกรณีที่เซลล์มะเร็งกลับมาใหม่หรือรักษาด้วยวิธีอื่นไม่สำเร็จ โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาทวารหนักและลำไส้ส่วนปลายออก และเปิดช่องทางขับถ่ายใหม่ทางหน้าท้อง (Colostomy)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งทวารหนัก
1. มะเร็งทวารหนักกับริดสีดวงต่างกันอย่างไร?
มะเร็งทวารหนัก และริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นโรคที่เกิดบริเวณใกล้เคียงกันและมีบางอาการคล้ายกัน เช่น เลือดออกจากทวารหนัก แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในด้านสาเหตุ ลักษณะอาการ และความรุนแรงของโรค มะเร็งทวารหนักเกิดจากเซลล์เยื่อบุทวารหนักกลายพันธุ์ มักจากการติดเชื้อ HPV ในขณะที่ริดสีดวงทวารเกิดจากหลอดเลือดดำรอบทวารโป่งพองจากการเบ่ง, ท้องผูก, การนั่งนาน ๆ หรือโรคอ้วน เป็นต้น
2. มะเร็งทวารหนักอันตรายไหม?
มะเร็งทวารหนักเป็นโรคที่อันตรายหากตรวจพบช้าหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งที่สามารถลุกลามและแพร่กระจายไปยังระบบอื่นๆ ในร่างกายได้ เช่น ต่อมน้ำเหลือง หรือแพร่ไปยังอวัยวะอื่นได้ การตรวจคัดกรอง ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการฉีดวัคซีน HPV จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
มะเร็งทวารหนักป้องกันได้ด้วยวัคซีนและการตรวจคัดกรอง
มะเร็งทวารหนักเป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้ หากรู้เท่าทันความเสี่ยงและใส่ใจตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะในผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจและการฉีดวัคซีน HPV
ช้อปแพ็กเกจสุขภาพได้เลยที่ Health Plaza รวมแพ็กเกจตรวจสุขภาพมาตรฐาน BDMS สะดวก ใช้งานง่าย พร้อมส่วนลด On Top
สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @healthplaza
Content powered by BeDee Expert
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
References
Risks and causes of anal cancer. (2022, October 26). Cancer Research UK. https://www.cancerresearchuk.org/about-cancer/anal-cancer/risks-causes
Anal Cancer. (n.d.). Johns Hopkins Medicine. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/anal-cancer
Anal cancer diagnosis and staging. (n.d.). Penn Medicine. https://www.pennmedicine.org/conditions/anal-cancer/diagnosis