มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก 1 ใน 5 อันดับมะเร็งยอดฮิตของคนไทย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถรับเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก แต่ผู้ชายเองก็สามารถติดเชื้อ HPV ได้เช่นกัน ซึ่ง 80% ติดเชื้อ HPV จากการมีเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงอาจเกิดเป็นหูดหงอนไก่ แต่ในกรณีที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์รุนแรงอาจพัฒนาเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศ หรืออวัยวะที่ได้รับการสัมผัสมา ดังนั้นการตรวจหาเชื้อ HPV จึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกเพศ หากรู้ก่อนก็สามารถรักษาก่อนที่เชื้อจะพัฒนาเป็นโรคมะเร็งได้

สารบัญบทความ

โรคมะเร็งปากมดลูกคือ?

มะเร็งปากมดลูก คือ ก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณมดลูก ช่องคลอด และช่องปากมดลูกซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papilloma Virus หรือ HPV ซึ่งเมื่อได้รับเชื้อ HPV นี้แล้วตัวเชื้ออาจเกิดความผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ได้รับเชื้อ HPV แล้วจะต้องเป็นมะเร็งปากมดลูกเสมอไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย ปัจจุบันเชื้อ HPV นั้นมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่อันตรายต่อร่างกายมากที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 และ 18

โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไร?

มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papilloma Virus หรือ HPV ซึ่งเชื้อ HPV นี้สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่อาจกลายเป็นมะเร็งแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังพบว่า 3 ใน 4 ของประชากรเคยสัมผัสเชื้อ HPV มาแล้ว โดยผู้ที่ติดเชื้อ HPV นั้นมักไม่มีอาการ สำหรับในเพศหญิงนั้นหากได้รับเชื้อ HPV แล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงจนกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ 

เชื้อ HPV นี้สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส การมีเพศสัมพันธ์ต่างเพศและการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก การมีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน โดยเชื้อ HPV จะอยู่ในน้ำคัดคลั่ง ช่องคลอด หรือน้ำปัสสาวะ โดยแพร่เชื้อผ่านรอยแผล หรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HPV สามารถแพร่เชื้อสู่ลูกในระหว่างการคลอดได้

 

ปรึกษาเรื่องโรคมะเร็งปากมดลูกกับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ไม่มีค่าจัดส่งยา

โรคมะเร็งปากมดลูกมีอาการเป็นอย่างไร?

อาการมะเร็งปากมดลูก

อาการบ่งชี้เบื้องต้นสำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกที่ควรสังเกตมีดังนี้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม

  • มีตกขาวมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น ตกขาวมีเลือดปนออกมาด้วย
  • มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน หรือมีเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์
  • มีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน 
  • เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ปวดบริเวณท้องน้อย หรืออุ้งเชิงกราน
  • ปัสสาวะหรืออุจจาระแล้วมีเลือดปน
  • น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
  • เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อย

ระยะของโรคมะเร็งปากมดลูก

ระยะก่อนพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก

ในช่วงก่อนระยะมะเร็งนั้นผู้ป่วยมักไม่มีอาการอะไร เนื่องจากเซลล์มะเร็งยังอยู่ที่ชั้นเยื่อบุผิวปากมดลูก แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1

 คือระยะที่มะเร็งลุกลามอยู่ภายในปากมดลูกเท่านั้น แพทย์อาจใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2

คือระยะที่มะเร็งลุกลามไปที่เนื้อเยื่อข้างปากมดลูก หรือผนังช่องคลอด 2 ใน 3 ส่วนบน

มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3

คือระยะที่มะเร็งลุกลามไปที่ด้านข้างจนถึงผนังเชิงกราน หรือผนังช่องคลอด 1 ใน 3 ส่วนล่าง หรือกดท่อไตจนเกิดภาวะไตบวมน้ำ

มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4

คือระยะที่มะเร็งลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ ไส้ตรง หรืออวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด กระดูก และต่อมน้ำเหลืองนอกเชิงกราน

การตรวจโรคมะเร็งปากมดลูก

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

  1. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผ่านการตรวจทางเซลล์วิทยาเพื่อตรวจหาเฉพาะเซลล์มะเร็งปากมดลูก โดยใช้วิธีแปปเสมียร์ (Pap smear หรือ liquid base cytology) แพทย์จะใช้ไม้พายเก็บเซลล์ตัวอย่างบริเวณปากมดลูก ก่อนนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
  2. การตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยการหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) ร่วมกับการตรวจเซลล์วิทยา (co-testing) เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก การตรวจวิธีนี้ให้ความแม่นยำสูง

อายุที่ควรเริ่มตรวจ และความถี่ของการตรวจคัดกรอง

 

วิธีที่ 1 การตรวจเซลล์วิทยา

  • ควรเริ่มเมื่ออายุ 25 ปีในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือ 30 ปีในสตรีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจคัดกรองทุก 2 ปีความถี่ในการตรวจคัดกรองอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของบริบทในแต่ละพื้นที่
  • สามารถหยุดตรวจได้ หากอายุมากกว่า 65 ปี ถ้าผลตรวจไม่พบความผิดปกติติดต่อกัน 5 ครั้ง

 

วิธีที่ 2 HPV DNA testing ร่วมกับการตรวจเซลล์วิทยา (co-testing)

  • ควรเริ่มเมื่ออายุ 25 ปีในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือ 30 ปีในสตรีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจคัดกรองทุก 5 ปี เนื่องจากการตรวจประเภทนี้ให้ผลการตรวจที่แม่นยำสูง 
  • สามารถหยุดตรวจได้ หากอายุมากกว่า 65 ปี ถ้าผลตรวจไม่พบความผิดปกติติดต่อกัน 2 ครั้ง

 

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • สตรีที่ได้รับการฉีด HPV vaccine ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเช่นเดียวกับสตรีทั่วไป เพื่อหาเซลล์ผิดปกติที่เกิดจากเชื้อ HPV เนื่องจากการฉีดวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ 100% และไม่สามารถรักษาอาการการติดเชื้อก่อนได้รับวัคซีนได้ 
  • สำหรับประเทศไทย ยังไม่แนะนำให้สตรีที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ตรวจคัดกรองเนื่องจากมะเร็งปากมดลูกในสตรีที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ในประเทศไทยนั้นพบได้น้อย ยกเว้นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ติดเชื้อ HIV มีคู่นอนหลายคน เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ควรตรวจคัดกรองทันที

ปรึกษาเรื่องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกกับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ไม่มีค่าจัดส่งยา

วิธีการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก

การรักษามะเร็งปากมดลูก

การรักษาโดยใช้รังสี

การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกโดยการใช้รังสีในการรักษานั้น เมื่อทราบผลชิ้นเนื้อแล้วว่ามีเซลล์มะเร็งและมีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำ แพทย์อาจพิจารณาใช้รังสีในการรักษาร่วมด้วยหลังการผ่าตัด หรือใช้รังสีร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด 

การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยการใช้รังสีนั้นมี 2 ประเภท ได้แก่ การฉายรังสีระยะไกล (External Beam Radiation Therapy) คือการฉายรังสีไปยังบริเวณที่มีความผิดปกติ และ การให้รังสีระยะใกล้ (Brachytherapy) เช่น การใช้รังสีฉายด้านในช่องคลอดในระยะเวลาสั้น ๆ การรักษาด้วยการใช้รังสีนั้นสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกทุกระยะ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละรายและความเห็นของแพทย์ด้วย

การรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการผ่าตัดนั้นมักใช้กับผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในระยะที่ 1 และระยะที่ 2

การรักษาด้วยเคมีบำบัด

รักษามะเร็งในระยะลุกลามมาก หรือมีการกลับเป็นซ้ำ 

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

หลักการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยทางคลินิก และเลือกใช้เฉพาะราย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามหรือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กลับมาเป็นซ้ำ มีการใช้กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวควบคู่ เพื่อให้ร่างกายทำลายเซลล์มะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้วิธีการรักษาแต่ละรูปแบบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

การรักษาร่วม

เช่น การให้ยาเคมีบำบัดพร้อมกับรังสีรักษา ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม

การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
  • ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-26 ปี สำหรับ ช่วงอายุ 26-45 ปี หรือหญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ให้พิจารณาในการฉีดวัคซีนเป็นราย ๆไป โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน และการสูบบุหรี่
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
  • ตรวจภายในเป็นประจำทุกปีเพื่อหาโรคทางนรีเวชอื่น ๆ และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

คำถามที่พบบ่อยของโรคมะเร็งปากมดลูก 

โรคมะเร็งปากมดลูกรักษาหายไหม? 

การรักษาขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค หากตัวโรคมะเร็งปากมดลูกอยู่ในระยะขั้นต้น ผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็ว ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและมีการตอบสนองต่อการรักษาที่ดี มักจะรักษาได้หายขาด และมีโอกาสกลับเป็นซ้ำต่ำ

แต่หากเป็นระยะที่ลุกลาม มีความรุนแรงของโรคมาก มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ดี จะทำให้ผลการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกไม่ดีไปด้วย โดยแพทย์จะเปลี่ยนความมุ่งหวังของการรักษาจากการรักษาให้หายเป็นประคับประคองโรคแทน

อาการเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก?

สัญญาณบ่งชี้ของโรคมะเร็งปากมดลูกที่ควรสังเกตเบื้องต้นและควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ได้แก่ อาการตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวมีเลือดปนออกมาด้วย หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน รวมถึงมีเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ในบางรายอาจมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ มีรอบเดือนที่ผิดไปจากเดิม มีอาการปวดบริเวณท้องน้อย หรือปวดหัวเหน่า ปัสสาวะหรืออุจจาระแล้วมีเลือดปน หรือมีอาการปัสสาวะไม่ค่อยออก น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อย เป็นต้น หากสังเกตพบอาการเหล่านี้หรือไม่แน่ใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน

โรคมะเร็งปากมดลูกป้องกันได้ไหม? 

โรคมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และควรตรวจภายในเป็นประจำทุกปีเพื่อหาโรคทางนรีเวชอื่น ๆ ร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

 

สอบถามเรื่องสุขภาพสตรีอื่น ๆ กับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว