Key Takeaways วิธีแก้นอนไม่หลับผู้สูงอายุมีหลายวิธี ควรเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแทนการพึ่งยานอนหลับ หากผู้สูงอายุนอนไม่หลับควรลุกมาทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดื่มนมอุ่น ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย หากพบว่าผู้สูงอายุมีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรัง นอนหลับ ๆ
		กรดไหลย้อนแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว เช็กสัญญาณเตือนและวิธีรักษา
กรดไหลย้อน โรคที่พบได้บ่อยมากขึ้นเนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทั้งผู้ที่มีโรคเครียด ขาดการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายน้อย รับประทานอาหารแล้วนอนทันที ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนมากขึ้น สร้างความยากลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีบริการปรึกษาหมอออนไลน์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาโรคกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน (GERD) คือ
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD) คือภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ซึ่งมีสาเหตุจากกรดในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนกลางอกตั้งแต่บริเวณลิ้นปี่ลามขึ้นมาที่หน้าอกและลำคอ เรอมีกลิ่นเปรี้ยว อาการเหล่านี้จะเป็นมากขึ้นโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก นอนหงาย โน้มตัวไปข้างหน้า หรือการยกของหนัก เป็นต้น
อาการกรดไหลย้อน
															อาการของโรคกรดไหลย้อนที่สังเกตได้ เช่น
- รู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ แสบร้อนกลางอกหรือเจ็บแสบกลางอกหลังรับประทานอาหาร
 - มีอาหารย้อนขึ้นมาในปากและคอ
 - รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและลำคอ
 - จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
 
สาเหตุกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
- หลอดอาหารมีการบีบตัวผิดปกติ ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปผ่านหลอดอาหารได้ช้า หรือทำให้อาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาค้างอยู่ที่หลอดอาหารนานกว่าปกติ
 - กระเพาะอาหารมีการบีบตัวผิดปกติทำให้อาหารตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนาน ส่งผลให้เกิดโอกาสที่กรดจะไหลย้อนจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากกว่าเดิม
 - หูรูดส่วนปลายของหลอดอาหารที่ทำหน้าที่ป้องกันกรดไหลย้อนมีความผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม สูบบุหรี่ การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
 - ความรู้สึกของหลอดอาหารไวกว่าปกติ
 - เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที หรือผู้ที่มีโรคเครียด หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
 
ผู้ที่เสี่ยงเป็นกรดไหลย้อน
ผู้ที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้อาจเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อน
- รับประทานอาหารแล้วนอนทันที
 - รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
 - ผู้ที่ดื่มสุรา น้ำอัดลม สูบบุหรี่เป็นประจำ
 - ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
 - รับประทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัด รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ
 - ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาแก้โรคซึมเศร้า หญิงตั้งครรภ์
 
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
 
ความแตกต่างระหว่างกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะ
															หลายครั้งผู้ป่วยอาจสับสนระหว่างอาการของโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อน ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารมักจะมีอาการปวดแน่นท้อง แสบท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด อุจจาระเป็นสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด แต่จะไม่มีอาการแสบร้อนกลางอกหรือเจ็บแสบกลางอกขึ้นมาถึงบริเวณลำคอเหมือนกับผู้ป่วยกรดไหลย้อน ทั้งนี้ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยอาการเพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อความชัดเจน
การวินิจฉัยกรดไหลย้อน
การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนนั้นแพทย์จะพิจารณาอาการเบื้องต้นจากผู้ป่วย ในกรณีที่ต้องการตรวจเชิงลึกเพื่อความแม่นยำมากขึ้นอาจใช้การตรวจเหล่านี้เพิ่มเติมร่วมด้วย
- การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น
 - การตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร
 - การเอกซเรย์กลืนสารทึบแสง
 - การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
 - การตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร
 
วิธีรักษากรดไหลย้อน
															กรดไหลย้อนมีแนวทางการรักษาทั่วไปดังนี้
- การรักษาด้วยยา เช่น การรับประทานยาเคลือบกระเพาะอาหาร ยาลดกรดในกระเพาะ เป็นต้น
 - การผ่าตัด แพทย์อาจใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดในกรณีที่รักษาด้วยยาเป็นเวลานานแล้วไม่สามารถควบคุมอาการหรือหยุดยาได้ หรือกรณีที่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาเป็นเวลานานได้และเกิดผลข้างเคียงจากยา
 
ปรึกษาวิธีการรักษากรดไหลย้อนกับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่มีค่าจัดส่งยา
กรดไหลย้อน ทานอะไรได้บ้าง
															อาหารที่ควรทานสำหรับผู้เป็นกรดไหลย้อน
- อาหารไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ขาว นมไขมันต่ำ น้ำเต้าหู้
 - อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ โดยผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ได้แก่ผลไม้ที่ไม่มีกรด เช่น กล้วย แตงโม แคนตาลูป แอปเปิ้ล พีช ลูกแพร์ อะโวคาโด เป็นต้น
 - อาหารที่มีไขมันดี เช่น อโวคาโด ปลาแซลมอน ถั่ว แฟลกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น
 - ดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ เพราะขิงจะช่วยขับลม กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องอืด
 
อาหารที่ไม่ควรทานสำหรับผู้เป็นกรดไหลย้อน
- อาหารหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด เช่น ส้ม องุ่น มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด น้ำส้มสายชู ฯลฯ
 - อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารมัน อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ นม เนย ชีส ไอศกรีม หรือไขมันจากเนื้อสัตว์ เป็นต้น
 - อาหารรสเผ็ด
 - เครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ
 - แอลกอฮอล์ สุรา ไวน์ ค็อกเทล หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
 - อาหารหมักดอง ผลไม้ดอง ปลาร้า ผักกาดดอง ผลไม้แช่อิ่ม กิมจิ
 - ผักดิบ
 
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เมื่อป่วยหรือแม้แต่ยังไม่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ ควรเว้นระยะเวลารับประทานอาหารเย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมงแล้วจึงเข้านอน
 - ออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการกินไม่ให้น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
 - หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต เปปเปอร์มินต์
 - ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ปริมาณมาก
 - หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
 - พยายามไม่เครียด ทำจิตใจให้สบาย
 - นอนยกศีรษะสูงขึ้นประมาณ 15 เซนติเมตรและนอนในท่าตะแคงซ้ายหากมีอาการ
 
วิธีป้องกันกรดไหลย้อน
															- หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต เปปเปอร์มินต์
 - แบ่งรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ
 - ไม่ควรรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงแล้วจึงเข้านอน
 - หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
 - นอนยกศีรษะสูงให้ช่วงลำตัวสูงขึ้น
 - สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ไม่สวมเสื้อผ้ารัดแน่น
 - หลีกเลี่ยงความเครียด
 - ออกกำลังกายและควบคุมอาหารไม่ให้น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
 
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกรดไหลย้อน
ซื้อยาแก้กรดไหลย้อนทานเองได้ไหม?
ยารักษากรดไหลย้อนบ้างประเภทนั้นผู้ป่วยสามารถหาซื้อเองได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้งเพื่อรับคำแนะนำการใช้ยา ผลข้างเคียง และข้อจำกัดการใช้ยา รวมถึงวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางประเภทที่ส่งผลทำให้เกิดกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนรักษาหายไหม?
โรคกรดไหลย้อนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการปรับพฤติกรรมร่วมกับการเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับตัวผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาและแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์และเภสัชกร
ถ้าไม่รักษากรดไหลย้อนจะมีผลเสียอะไรตามมา?
โรคกรดไหลย้อนหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอย่างเหมาะสมอาจพัฒนากลายเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งได้ เมื่อสังเกตพบว่ามีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์และเภสัชกรโดยด่วยเพื่อไม่ให้อาการลุกลามจนยากต่อการรักษา
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์มักเป็นกรดไหลย้อน?
หญิงตั้งครรภ์เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มักเป็นโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากระบบภายในร่างกายรวมถึงฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงตั้งครรภ์ กล่าวคือเมื่อบริเวณช่องท้องของคุณแม่ขยายใหญ่ขึ้นเนื่องจากการเจริญเติบโตของทารกจะทำให้เกิดการกด ดัน หรือเบียดกระเพาะอาหารของคุณแม่ซึ่งจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย
สรุปเรื่องกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ซึ่งโดยมากเป็นพฤติกรรมของคนเราในปัจจุบันที่อาจหลีกเลี่ยงได้ยากและต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไป
ถึงแม้ว่าโรคกรดไหลย้อนจะไม่อันตรายถึงชีวิตแต่สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วย หากปล่อยไว้นานก็ยากต่อการรักษาและอาจเกิดอาการเลือดออกในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดเป็นแผลในกระเพาะ เกิดภาวะหลอดอาหารอักเสบ หรืออาจเกิดแผลและเลือดออกบริเวณหลอดอาหารเรื้อรัง หากไม่แน่ใจอาการควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
Content powered by BeDee expert
ภญ.ณัชชา นาวีนวคุณ
เภสัชกร
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Katz PO, Dunbar KB, Schnoll-Sussman FH, Greer KB, Yadlapati R, Spechler SJ. ACG Clinical Guideline for the Diagnosis and Management of Gastroesophageal Reflux Disease. Am J Gastroenterol. 2022 Jan 1;117(1):27-56. doi: 10.14309/ajg.0000000000001538. PMID: 34807007; PMCID: PMC8754510.
Website, N. (2023, May 4). Heartburn and acid reflux. nhs.uk. https://www.nhs.uk/conditions/heartburn-and-acid-reflux/
รักษาโรคกรดไหลย้อนที่ไหนดี
															มีอาการไหลย้อนต้องรีบรักษา! ปรึกษาหมอออนไลน์หรือปรึกษาเภสัชกร ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีแพทย์และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษา เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

			
      
      
