ฮีทสโตรก

Key Highlight 

  • ภาวะฮีทสโตรกเกิดขึ้นได้เมื่อเราออกแรงทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก ๆ กลางแจ้ง อุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ดื่มน้ำไม่เพียงพอจนทำให้ร่างกายร้อนจัด
  • โรคลมแดดหรือฮีทสโตรกนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน
สารบัญบทความ

รู้จัก ฮีทสโตรก คืออะไร

ฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด คือภาวะที่ร่างกายมีความร้อนสูงเกินไปซึ่งเกิดจากการอยู่กลางแจ้งหรือที่ ๆ มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะในพื้นที่ร้อนชื้นอย่างประเทศไทย

 

ภาวะฮีทสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราออกแรง ทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก ๆ กลางแจ้งและดื่มน้ำไม่เพียงพอจนทำให้ร่างกายร้อนจัด อาการของโรคฮีทสโตรก เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง มึนงง อ่อนเพลีย เป็นต้น กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นฮีทสโตรกได้แก่กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ในกลุ่มคนที่แข็งแรงก็สามารถฮีทสโตรกได้เช่นกัน

 

โรคลมแดดหรือฮีทสโตรกอันตรายและทำให้เสียชีวิตได้ หากเกิดอาการฮีทสโตรกควรรีบปรึกษาแพทย์

อาการของฮีทสโตรก สัญญาณที่ต้องระวัง

บางคนอาจจะสงสัยว่าฮีทสโตรกมีอาการแตกต่างจากการเป็นลมอย่างไร โดยทั่วไปแล้วอาการของฮีทสโตรกสังเกตได้ดังนี้

  • ร่างกายมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • ปวดศีรษะ
  • กระหายน้ำมาก 
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ผิวแห้ง แสบ แดง ร้อน
  • ใจเต้นเร็ว หรือชีพจรเต้นเร็ว
  • หายใจหอบ ถี่
  • ชัก เกร็ง 
  • หมดสติ

ฮีทสโตรก สาเหตุการเกิดโรคลมแดด

ฮีทสโตรก สาเหตุการเกิดโรคลมแดด

ฮีทสโตรกเกิดจากการที่เราอยู่ในสภาวะที่อุณหภูมิสูงจัด จนทำให้ร่างกายมีความร้อนสูงเกินไป ประกอบกับการใช้แรงงาน ออกกำลังท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ฮีทสโตรกมักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียสจึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน และอาจทำให้เสียชีวิตได้โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว กลุ่มเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเกิดฮีทสโตรก 

เมื่ออากาศร้อน ฮีทสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยที่อุณหภูมิสูงจัดและมีความชื้น ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นฮีทสโตรกมีดังนี้ 

  • เด็กเล็ก
  • ผู้สูงอายุ
  • ทำงานกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง 
  • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
  • น้ำหนักตัวเกิน
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่อยู่ในห้องแอร์แล้วออกมาเจออากาศร้อนทันทีจึงทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน 
  • ผู้ที่ใช้ยาประจำตัวบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาความดัน (beta-blockers) ยาต้านเศร้า ยาสำหรับผู้ที่มีสมาธิสั้น ยาหดหลอดเลือด

อาการฮีทสโตรกแบบใดที่ควรรีบพบแพทย์

เมื่อพบเห็นผู้ที่มีอาการฮีทสโตรกควรรีบนำส่งโรงพยาบาลเพราะอาจอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรค heat stroke อาการที่ควรรีบพบแพทย์ ได้แก่

  • ร่างกายมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ใจเต้นเร็ว 
  • หายใจหอบ
  • ชัก เกร็ง 
  • หมดสติ

เมื่อเกิดฮีทสโตรกมีวิธีการปฐมพยาบาลอย่างไร

วิธีแก้ฮีทสโตรก

ฮีทสโตรกอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อพบเห็นผู้ป่วยควรรีบปฐมพยาบาลฮีทสโตรกเบื้องต้นทันทีตามวิธีการดังนี้

  • ทำให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลงโดยการพาเข้าที่ร่ม หรือพาเข้าในตัวอาคาร
  • นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองและหัวใจ
  • ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ 
  • กรณีผู้ป่วยสวมเสื้อหลายชั้นควรถอดเสื้อชั้นนอกออก 
  • ใช้น้ำแข็งประคบ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวหรือจะวางผ้าชุบน้ำบริเวณศีรษะ คอ รักแร้และขาหนีบ ร่วมกับการใช้พัดลมเป่าเพื่อระบายความร้อนหรือลดอุณหภูมิ
  • รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

 

ปรึกษาและสอบถามวิธีการรับมืออาการฮีทสโตรกเบื้องต้นกับพยาบาล ไม่มีค่าใช้จ่าย!

การตรวจวินิจฉัยฮีทสโตรกเบื้องต้น

เมื่อนำส่งผู้ป่วยฮีทสโตรกถึงมือแพทย์แล้ว เบื้องต้นแพทย์จะมีวิธีการวินิจฉัยอาการฮีทสโตรกดังนี้

  • วัดอุณหภูมิ
  • ตรวจเลือด เพื่อดูสารเกลือแร่ ค่าตับ ค่าไต รวมถึงการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
  • ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูค่าไตและความเสียหายของกล้ามเนื้อ
  • สแกนสมอง เนื่องจากผู้ป่วยฮีทสโตรกในบางรายอาจเกิดความเสียหายที่สมองได้เช่นกัน

วิธีป้องกันการเกิดฮีทสโตรกด้วยตัวเอง

อากาศร้อน ๆ แบบนี้โดยเฉพาะประเทศไทยจะใช้ชีวิตข้างนอกในตอนกลางวันก็เสี่ยงฮีทสโตรกโดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งคนวัยทำงานทั่วไป เจอแสงแดดทีไรปวดหัวไมเกรนทุกที เรามีวิธีป้องกันโรคฮีทสโตรกเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้ 

  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง การทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงกลางวันโดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
  • สวมเสื้อผ้าสีอ่อนเพราะจะช่วยสะท้อนความร้อนได้ดี เลือกเนื้อผ้าที่ช่วยระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าเรยอน 
  • สวมหมวก แว่นตากันแดด และกางร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
  • ทาครีมกันแดด SPF 50 + 
  • จิบน้ำบ่อย ๆ ระหว่างวันเพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
  • สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้งควรเปลี่ยนมาออกช่วงเช้าและเย็น 
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
  • หลีกเลี่ยงการจอดรถยนต์กลางแจ้ง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฮีทสโตรก

1. ฮีทสโตรกอันตรายไหม?

โรคลมแดดหรือฮีทสโตรกนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ในบางราย อาการของฮีทสโตรกทั่วไปที่ควรสังเกตเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้อาการรุนแรง ได้แก่ ปวดศีรษะ กระหายน้ำมาก คลื่นไส้ อาเจียน ผิวแห้ง แสบ แดง ร้อน ใจเต้นเร็ว

2. ภาวะแทรกซ้อนจากฮีทสโตรกมีอะไรบ้าง?

หากไม่รีบรักษาภาวะฮีทสโตรกอาจทำให้เกิดอาการชัก สมองบวม เซลล์ประสาทถูกทำลายอย่างถาวร

หัวใจเต้นผิดจังหวะและภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดจากหัวใจทำงานหนักเกินไปได้

สรุปฮีทสโตก อย่าประมาท รีบปรึกษาแพทย์

ในประเทศไทยเรามีข่าวผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกให้เห็นกันแล้ว ดังนั้นเราไม่ควรประมาทมองข้ามภัยจากความร้อนในฤดูร้อนที่มีแนวโน้มร้อนขึ้นทุก ๆ ปี หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในตอนกลางวัน หรือหากมีอาการผิดปกติ รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน พร้อมให้คำปรึกษาและจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

 

Content powered by BeDee Expert

นพ. รัตน์ศักดิ์ ตั้งเทอดชนะกิจ

แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Heatstroke – Symptoms and causes – Mayo Clinic. (2022, June 25). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heat-stroke/symptoms-causes/syc-20353581


Ansorge, R. (2010, July 22). Heat stroke: symptoms and treatment. WebMD. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/heat-stroke-symptoms-and-treatment


Heatstroke and heat exhaustion. (n.d.). Australian Red Cross. https://www.redcross.org.au/emergencies/prepare/heatstroke-and-heat-exhaustion/

บทความที่เกี่ยวข้อง

บาดทะยักเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผ่านทางบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งส่งผลให้มีอาการทางระบบประสาทตามมา และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด แม้ในปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องกันเชื้อบาดทะยักแล้ว แต่ยังคงพบผู้ป่วยโรคนี้ได้บ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งเกิดจา

กรดไหลย้อน โรคที่พบได้บ่อยมากขึ้นเนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทั้งผู้ที่มีโรคเครียด ขาดการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายน้อย รับประทานอาหารแล้วนอนทันที ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนมากขึ้น สร้างควา