วิตามินซี

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

การดูแลตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะเป็นปัจจัยหลักในการทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีแล้ว การทานอาหารบำรุงสมองด้วยการเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี แร่สังกะสี หรือสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หรือช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่หลายคนหันมาให้ความสนใจเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งและเร่งรีบ อาหารที่รับประทานไม่หลากหลายหรือไม่ครบ 5 หมู่ ทำให้สารอาหารที่ได้รับอาจไม่เพียงพอต่อร่างกาย

สารบัญบทความ

วิตามินซี (Vitamin C) คืออะไร

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นหนึ่งในวิตามินเป็นที่นิยมใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก และลดความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสบางชนิด วิตามินซีเป็นวิตามินที่ร่างกายเราไม่สามารถสังเคราะห์ได้เองเนื่องจากไม่มีเอนไซม์ L-gulonolactone oxidase ดังนั้นร่างกายเราจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร ซึ่งวิตามินซีสามารถพบได้ในผักหรือผลไม้ การรับประทานผักผลไม้อย่างเพียงพออาจจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดวิตามินซี แต่หากเรารับประทานผักและผลไม้ไม่ครบตามสัดส่วนที่แนะนำ อาจจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีเสริมในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาเพิ่มเติม

ประโยชน์ของวิตามินซี มีอะไรบ้าง 

วิตามินซีช่วยเรื่องอะไร

ประโยชน์ของวิตามินซีต่อผิว

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอบิค เป็นหนึ่งในวิตามินที่นิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เพื่อบำรุงผิว ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่ ช่วยให้ดูมีผิวขาวกระจ่างใส และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายได้อีกด้วย การรับประทานเพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานและบำรุงผิวพรรณ แนะนำให้รับประทานวิตามินซี 1,000 mg ต่อวัน

 

 

อยากมีผิวขาวดูสุขภาพดี อ่านต่อเลยที่ : 10 วิธีสร้างผิวขาวใสเปลี่ยนผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูมีสุขภาพดี

ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน คือเท่าไร

วิตามินซีมีความเป็นกรดและมีจุดอิ่มตัวของการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นในกรณีที่เลือกผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซีในขนาดสูงควรแบ่งรับประทานเป็นมื้อ มื้อละไม่เกิน 500-1,000 มิลลิกรัม และรับประทานพร้อมหรือหลังอาหารเพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร การเลือกผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่อยู่ในรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่น ออกฤทธิ์ช้า หรือที่มีส่วนผสมของบัฟเฟอร์ จะช่วยชะลอการปลดปล่อยวิตามินซีจากเม็ดยา ทำให้การดูดซึมดีขึ้นและลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้

 

อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้จากการรับประทานวิตามินซี

 

อาการไม่พึงประสงค์จะขึ้นกับปริมาณวิตามินซีที่รับประทาน เช่น คลื่นไส้ ปวดเกร็งในช่องท้อง และท้องเสีย เป็นต้น

 

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน

  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานในเด็กเท่ากับ 25-40 มิลลิกรัมต่อวัน และวัยรุ่นเท่ากับ 60-80 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานในผู้ใหญ่ ผู้ชายเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้หญิงเท่ากับ 85 มิลลิกรัมต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับเพิ่มเป็น 95 มิลลิกรัมต่อวัน หญิงให้นมบุตรควรได้รับเพิ่มเป็น 60 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้สูบบุหรี่ควรได้รับเพิ่มอีก 35 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด แนะนำให้รับประทาน 200-500 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ที่เป็นหวัดหรือภูมิแพ้บ่อย แนะนำที่ 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • การรับประทานเพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานและบำรุงผิวพรรณ แนะนำที่ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
 
ปรึกษาเรื่องการทานวิตามินซีกับเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษา ! 

อาหารที่มีวิตามินซีสูง มีอะไรบ้าง

อาหารวิตามินซีสูง

วิตามินซีสามารถพบได้ในผักและผลไม้ที่รับประทานกันโดยทั่วไป ซึ่ง 12 รายการผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ประกอบด้วย

 

  • พริกหวาน มีปริมาณวิตามินซี 190 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  •  ฝรั่ง มีปริมาณวิตามินซี 151-187 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • ผักคะน้า/ปวยเล้ง มีปริมาณวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  •  มะระขี้นก มีปริมาณวิตามินซี 116 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  •  มะขามป้อม มีปริมาณวิตามินซี 111 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  •  มะขามเทศ มีปริมาณวิตามินซี 97 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • บรอกโคลี มีปริมาณวิตามินซี 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • เงาะโรงเรียน มีปริมาณวิตามินซี 76 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • ลิ้นจี่ มีปริมาณวิตามินซี 71.5 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • มะละกอสุก มีปริมาณวิตามินซี 62 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • สตรอเบอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซี 66 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
  • ส้ม มีปริมาณวิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมวิตามินซี หรือไม่

โดยปกติแล้ววิตามินซีสามารถพบได้ในผักและผลไม้ แต่ด้วยชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันอาจทำให้การรับประทานผักและผลไม้จนได้ปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอต่อวันนั้นอาจเป็นไปได้ยาก การรับประทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพตัวเองได้ ปัจจุบันมีอาหารเสริมวิตามินซีหลายรูปแบบให้เลือกรับประทานตามความเหมาะสมของแต่ละคน

 

วิตามินซีมีรูปแบบใดบ้าง

วิตามินซีมีกี่แบบ

1. วิตามินซีเม็ดอม

วิตามินซีในรูปแบบเม็ดอมนั้นมีตั้งแต่ขนาด 25-500 กรัม เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้ หรือเด็ก ๆ ทั้งนี้ควรรับประทานในปริมาณที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ หากรับประทานในปริมาณมากอาจทำให้ฟันกร่อนได้

2. วิตามินซีเม็ดเคี้ยว

วิตามินซีในรูปแบบเม็ดเคี้ยวเหมาะสำหรับเด็กเนื่องจากรับประทานง่าย รสชาติเปรี้ยวหวาน ควรระวังปริมาณน้ำตาลในวิตามินซีที่อาจมากเกินไป รับประทานปริมาณตามที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำ

3. วิตามินซีเม็ดอัดเม็ด

วิตามินซีรูปแบบอัดเม็ดที่คนนิยมรับประทานกันอยู่ที่ขนาด 500 – 1,000 มิลลิกรัม ควรเลือกรับประทานวิตามินซีที่อยู่ในรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่น ออกฤทธิ์ช้า หรือที่มีส่วนผสมของบัฟเฟอร์ จะช่วยชะลอการปลดปล่อยวิตามินซีจากเม็ดยา ทำให้การดูดซึมดีขึ้นและอาจลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้

4. วิตามินซีแคปซูล

วิตามินซีรูปแบบแคปซูลมักอยู่ในรูปแบบเม็ดแคปซูลขนาด 500 มิลลิกรัม วิตามินซีรูปแบบนี้ช่วยให้กลืนง่าย ไม่ติดคอเหมือนวิตามินซีรูปแบบอัดเม็ด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา

5. วิตามินซีแบบฉีดหรือแบบ Drip

วิตามินซีรูปแบบฉีหรือที่เรียกกันว่า IV Drip เหมาะสำหรับการป้องกันโรคหวัด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับการฉีด การฉีดวิตามินซีช่วยให้วิตามินออกฤทธิ์รวดเร็ว ร่างกายสามารถนำวิตามินไปใช้ได้ทันที

6. วิตามินซีเม็ดฟู่

วิตามินซีเม็ดฟู่มีขนาดตั้งแต่ 500 และ 1,000 มิลลิกรัม วิธีรับประทานคือละลายเม็ดฟู่ในน้ำดื่ม รอจนวิตามินละลายหมดแล้วจึงดื่มได้ ไม่ควรดื่มในขณะที่ตัววิตามินยังละลายไม่หมดดีเพราะอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะได้ วิตามินซีแบบเม็ดฟู่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนเม็ดยา

 

 

ปรึกษาเรื่องการทานวิตามินซีกับเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษา !

วิตามินซี ควรรับประทานตอนไหนดี

วิตามินซีควรกินตอนไหน

การรับประทานวิตามินซีมิลลิกรัมสูงนั้นควรแบ่งรับประทานเป็นมื้อ โดยควรรับประทานมื้อละ 500-1,000 มิลลิกรัม รับประทานพร้อมหรือหลังอาหารเพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร

วิตามินซีไม่ควรทานกับอาหารประเภทใดบ้าง

โดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีการกำหนดอาหารที่ห้ามรับประทานคู่กับวิตามินซี แต่สิ่งที่ควรระวังในการรับประทานวิตามินซีคือการระคายเคืองกระเพาะอาหาร

รูปแบบวิตามินซีที่แนะนำให้รับประทาน

วิตามินซีแบล็คมอร์

วิตามินซีแบล็คมอร์ Bio C Acerola Plus 1500 mg.

 

  • Blackmores Bio C Acerola Plus 1500 mg. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประกอบด้วยส่วนประกอบจากผงน้ำอะซีโรลา เชอร์รี่เข้มข้น 60 มก. จากผลอะซีโรลา เชอร์รี่ 1500 มก. สารสกัดจากโรสฮิพ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากชาขาว และผงผลมะกอกเข้มข้น พร้อมด้วยวิตามินอี ซิงค์ และซีลีเนียม มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • สารสกัดจากโรสฮิพธรรมชาติ และผงน้ำอะซีโรลาเชอร์รี่เข้มข้น
  • วิตามินอี และซีลีเนียม มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ
  • วิตามินซี มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน เพื่อการทำงานตามปกติของผิวหนัง