ผิวขาว

สำหรับใครที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใส อมชมพู ห่างไกลริ้วรอย เราสามารถดูแลผิวให้เปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดีด้วยตนเองได้ โดยอาศัยการปรับพฤติกรรมหลาย ๆ อย่าง เรามาดูกันเลยว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่เป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสีย ผิวหมองคล้ำ รวมถึงวิธีการสร้างผิวขาวใสดูมีสุขภาพดีนั้นต้องทำอย่างไร

สารบัญบทความ

สาเหตุของผิวหมองคล้ำ

1. สภาพอากาศ

สภาพอากาศ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ หนาวเย็น โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์การทำงานในปัจจุบันที่เรามักจะอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งและแตกเป็นขุย ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหน้าหมองคล้ำตามมา ส่วนสภาพอากาศร้อนก็สามารถทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน

2. แสงแดด 

ตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำลายผิวขาวก็คือ แสงแดด เนื่องจากในแสงแดดมีรังสียูวีเอ (UVA) ที่มีความยาวคลื่น 320-400 นาโนมิเตอร์ สามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวคล้ำเข้ม ดูหมองคล้ำ

นอกจากนี้ยังมีรังสียูวีบี (UVB) ที่มีความยาวคลื่น 290-300 นาโนมิเตอร์ ที่ถึงแม้จะไม่สามารถลงลึกถึงชั้นผิวหนังกำพร้าได้แต่ก็ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แสบร้อน แดง และไหม้เกรียม

3. อายุ

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นคอลลาเจนในผิวจะลดลง ความชุ่มชื้นลดลง การผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้เกิดผิวใหม่ก็จะแย่ลงเช่นกัน ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ผิวดูแห้ง เห็นริ้วรอยชัดมากขึ้น 

4. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแย่ลง เนื่องจากร่ายกายไม่สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายได้ ผิวดูหมองคล้ำ แห้ง เกิดริ้วรอย และยังทำให้ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบภูมิคุ้มกันโรคทำงานผิดปกติ 

5. ความเครียด

เมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เราเรียกว่า ฮอร์โมนความเครียด ซึ่งฮอร์โมนความเครียดนี้ส่งผลต่อการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิด ฝ้า กระ เข้มขึ้น และฮอร์โมนความเครียดสามารถยับยั้งการหลั่ง “โกรทฮอร์โมน” (Growth Hormone) หรือฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ผิวแห้ง เกิดสิว ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย

10 วิธีทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใส

1. พักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีทำให้ผิวขาวเริ่มจากการพักผ่อนให้เพียงพอ

เคล็ดลับผิวขาวที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงก็คือ การนอนหลับให้เพียงพอ การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับร่างกายรวมถึงผิวพรรณ การนอนหลับจะช่วยซ่อมแซมระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าในร่างกาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ผิวแลดูกระจ่างใส


ทั้งนี้ต้องเป็นการนอนหลับที่ครบทั้งระยะเวลาและคุณภาพการนอนหลับด้วยแม้เราจะนอนครบ 8 ชั่วโมงแต่เข้านอนดึกมากเกินไป ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน สำหรับช่วงเวลาที่ควรเข้านอนมากที่สุดคือตั้งแต่ 20.00-22.00 น.

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

ทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยผิวขาว

อยากมีผิวขาวกระจ่างใส ผิวสุขภาพดี แน่นอนว่าอาหารมีผลอย่างมาก นอกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว สิ่งที่ควรเน้นเลยก็คือ ผักและผลไม้ที่มีแร่ธาตุและวิตามิน ควรรับประทานให้หลากหลาย แต่ด้วยการใช้ชีวิตประจำวันในปัจจุบันอาจทำให้การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวันเป็นเรื่องยาก สามารถเสริมได้ด้วยการรับประทานวิตามินและอาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ควรมีแพทย์และเภสัชกรคอยให้คำแนะนำอย่างชัดเจน

3. สครับหรือขัดผิว

สครับผิวขาว

การสครับผิวหรือการขัดผิวนั้นช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสขึ้น ทำให้ผิวขาว เรียบเนียน และยังช่วยให้การบำรุงผิวหรือการทาครีมบำรุงผิวซึมได้ดีขึ้น สำหรับสิ่งที่จะช่วยให้การสครับผิวแล้วผิวขาวกระจ่างใส แนะนำให้ใช้ มะขามเปียก มะนาว ขมิ้นชัน อย่างใดอย่างหนึ่งผสมกับน้ำผึ้งและนมสดเพื่อใช้ขัดผิวได้หรืออาจเลือกซื้อได้จากผลิตภัณฑ์ขัดผิวสำเร็จรูปที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดที่น่าเชื่อถือและได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว

 

ปรึกษาปัญหาและการดูแลผิวกับแพทย์ผิวหนังที่แอป BeDee สะดวก ไม่ต้องเกินทาง จัดส่งสินค้าถึงบ้าน

4. รับประทานวิตามิน อาหารเสริม

วิตามินช่วยผิวขาว

การรับประทานวิตามินและอาหารเสริม เป็นตัวเลือกที่ง่ายและสะดวก ช่วยทดแทนวิตามินที่ร่างกายขาด สำหรับวิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยให้ผิวขาว กระจ่างใส ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี เช่น

 

  1. กลูตาไธโอน (glutathione) คือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง กลูตาไธโอนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งช่วยปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
  1. วิตามินซี หรือ กรดแอสคอบิค เป็นหนึ่งในวิตามินที่นิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เพื่อบำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายได้อีกด้วย การรับประทานเพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานและบำรุงผิวพรรณ แนะนำที่ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  1. Grape seed หรือเมล็ดองุ่น มีประสิทธิภาพมากในการต้านอนุมูลอิสระ โดยในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีสารสำคัญที่ชื่อว่า Oligomeric Proanthocyanidins (OPCs) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังพร้อมคุณสมบัติในการรักษาและต้านการอักเสบ สามารถลดฝ้า ป้องกันการเสื่อมสลายของคอลลาเจนและช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง จึงทำให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรงไม่เหี่ยวย่น หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย และยังลดการทำงานของเอนไซม์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย
  1. Astaxanthin จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงตัวหนึ่ง มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระทื่มากกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า สามารถปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ผิวจากการสัมผัสรังสียูวี ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ มีงานวิจัยพบว่าการรับประทานแอสตาแซนธินและใช้แอสตาแซนธินในรูปแบบของการทาทุกวันช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดริ้วรอย และช่วยปกป้องคอลลาเจนของผิวได้
  1. Cranberry ถือเป็น Superfood อย่างหนึ่งที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถป้องกันหรือชะลอความเสียหายต่อเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ผิวหนังและยังช่วยลดเลือนรอยด่างดำบนใบหน้าได้อีกด้วย

5. ใช้โลชั่นเป็นประจำ

ทาโลชั่นช่วยผิวขาว

การทาโลชั่นเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างผิวขาวใส ควรเลือกโลชั่นที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใส และผลัดเซลล์ผิว สารสำคัญที่ควรมีในโลชั่น เช่น ส่วนผสมจากวิตามินซี ส้ม เลม่อน Niacinamide กรด AHA หรือ Alpha-arbutin เป็นต้น ข้อควรระวังก็คือเมื่อใช้สารในกลุ่ม Brightening แล้วควรใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB SPF 30 ขึ้นไป ควบคู่ไปด้วยจึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ผิวขาวใสด้วยการดื่มน้ำ

การดื่มน้ำให้เพียงพอหรือวันละประมาณ 2 ลิตรจะช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ช่วยให้ร่างกายกำจัดของเสียได้ดี และที่สำคัญคือทำให้ผิวขาวใส ดูมีสุขภาพดี ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม เนื่องจากอาจทำให้มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง เน้นการดื่มน้ำเปล่าเป็นหลักดีที่สุด

7. ใช้ครีมกันแดดบ่อย ๆ

ผิวขาว ทาครีมกันแดด

การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นมากหากคุณอยากมีผิวขาว กระจ่างใส เนื่องจากรังสี UV ในแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ ริ้วรอย ดูแก่ก่อนวัยหรือทำให้ผิวไหม้ ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ สำหรับวิธีการเลือกครีมกันแดดนั้น ควรเลือกครีมกันแดด ที่มีประสิทธิภาพป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB มีค่า Sun protection factor (SPF) มากกว่า 30 ขึ้นไป ซึ่งหมายความถึง ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้มากถึง 30 เท่าขึ้นไป

 

อีกทั้งควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า Protection grade of UVA (PA) ที่เหมาะสมขึ้นกับสถานที่และกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน โดยค่า PA สูงสุดคือ 4 ระดับ ซึ่ง PA++++ คือมีค่าประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวีเอสูงที่สุด นอกจากนี้ยังควรเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำและกันเหงื่อด้วย เพื่อให้อยู่กับผิวหนังได้นานยิ่งขึ้น

 

BeDee Tips: อย่าลืมทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวันและใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ร่ม หมวก หรือเสื้อผ้ากัน UV ร่วมด้วย จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น

8. ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายฟื้นฟูผิวขาวสุขภาพดี

ลองสังเกตว่าเวลาเราออกกำลังกายผิวหน้าของเราจะดูดีเปล่งปลั่งขึ้น เคล็ดลับผิวขาวใส ดูสุขภาพดีก็คือการออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดี ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งสดใส นอกจากนี้เมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายจะขับของเสียออกมาพร้อมกับเหงื่อ เมื่อร่างกายขับของเสียออกมาแล้ว ผิวพรรณก็สดใสตามมาเช่นกัน

9. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่รวมถึงสารเสพติดต่าง ๆ

งดแอลกอฮอล์ งดบุหรี่ เพื่อผิวขาวสุขภาพดี

แอลกอฮอล์ และสารเสพติดต่างๆ นอกจากจะทำลายสุขภาพแล้วแน่นอนเลยว่ายังทำให้ผิวของเราดูโทรม มีริ้วรอย ไม่สดใส ผิวหยาบและแห้งกร้าน ส่วนการสูบบุหรี่นั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งในการเกิดริ้วรอย มีการศึกษาพบว่านิโคตินในบุหรี่เป็นตัวทำลายความชุ่มชื้นในผิวและทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้กระบวนการทำงานในการซ่อมแซมผิวผิดปกติ การไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณที่เป็นแผลไม่ดี ซึ่งมีผลทำให้แผลหายช้าและอาจนำไปสู่แผลติดเชื้อตามมา นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น สะเก็ดเงิน สิว ผมร่วง ตามมาได้

10. Drip Vitamin

ดริปวิตามินผิวขาว

ntravenous Vitamin Therapy (IV Drip) หรือที่เราเรียกว่าการ “ดริปวิตามิน” คือการให้วิตามินหรือสารน้ำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ การดริปวิตามินจะแตกต่างจากการรับประทานวิตามินเนื่องจากไม่ต้องผ่านการดูดซึมหรือการย่อย วิตามินสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทันทีทำให้ร่างกายได้รับวิตามินสูงสุด

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำให้ผิวขาว

กลูต้าไธโอน ทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่? 

จากข้อมูลการศึกษาพบว่ากลูต้าไธโอน มีผลทำให้ผิวแลดูสว่างขึ้น (Skin lightening) เนื่องจากกลูต้าไธโอน มีผลในการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ผลของผิวที่แลดูสว่างขึ้นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น หากหยุดใช้ก็สามารถทำให้ผิวกลับมาผลิตเม็ดสีตามปกติ อีกทั้งการรับประทานกลูต้าไธโอนค่อนข้างได้ผลน้อย เนื่องจากกลูต้าไธโอนสามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหาร 

 

สำหรับการให้กลูต้าไธโอนในรูปแบบการฉีด ถึงแม้จะได้ปริมาณกลูต้าไธโอนในกระแสเลือดสูงกว่าการรับประทาน แต่ยังไม่มีผลการศึกษารับรองที่น่าเชื่อถือและชัดเจน จึงยังไม่มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนรูปแบบฉีดใด ๆ ที่ผ่านการรับรองขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา และยังเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงมาก เช่น อาการผื่นแพ้รุนแรง อาการปวดท้องรุนแรง ผลต่อการทำงานของไต มีผลต่อการลดการสร้างเม็ดสีที่ตาซึ่งมีผลต่อการมองเห็นได้ ดังนั้นกลูต้าไธโอนจึงทำให้ผิวแลดูขาวขึ้นได้ชั่วคราว แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ทำให้ผิวขาวถาวร

 

สอบถามเรื่องอื่น ๆ กับคุณหมอ 

สรุปเรื่องผิวขาว

หากอยากมีผิวขาวกระจ่างใสแลดูสุขภาพดี เราควรทำความเข้าใจสาเหตุที่อาจทำให้ผิวหมองคล้ำ รวมถึงวิธีการสร้างปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสจากทั้งภายในและภายนอกที่ถูกต้อง ปลอดภัย ผ่านการแนะนำจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ 

 

BeDee มีทีมแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกร พร้อมให้คำปรึกษา สะดวก ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

Content powered by BeDee Expert

ภญ.สิริยาภรณ์ รักษาเชื้อ

เภสัชกร

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaway   โรคเซ็บเดิร์มมักเกิดบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันบนผิวหนังอย่างมาก เช่น เซ็บเดิร์มที่หน้า เซ็บเดิร์มหนังศีรษะ เซ็บเดิร์มที่จมูก ผู้ป่วยเซ็บเดิร์มมักพบผิวลอกเป็นขุย หรือเป็นแผ่นสีขาว บริเวณหัวคิ้ว ข้างจมูก ใบหู รอบปาก หนังศีรษะ มีอาการปวด คั

Key Takeaways สิวผดจัดเป็นผื่นประเภทหนึ่งมีลักษณะเป็นผดที่ใบหน้าหรือมีผื่นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นเป็นจำนวนมากบนใบหน้า สิวผดมักไม่มีหนอง เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกสากเหมือนเม็ดทราย สิวผดมักเกิดจากการสัมผัสกับอากาศร้อนชื้นหรือเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เมื่อมีส