ฝ้า กระ

หนึ่งในปัญหาผิวที่พบบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไปคือปัญหาฝ้า กระ เพราะผิวหนังเราได้เผชิญกับแสงแดดและมลภาวะมานาน ถึงแม้ว่าปัญหาฝ้า กระจะไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ แต่กลับสร้างความไม่มั่นใจให้กับหลาย ๆ คนจนต้องหาวิธีรักษาฝ้า กระให้หายโดยเร็ว 

 

ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับฝ้า กระ คืออะไร มีสาเหตุเกิดจากอะไร สามารถรักษาฝ้า กระ ให้หายไปจากผิวหนังของเราได้หรือไม่ แล้วเราควรจะดูแลผิวอย่างไรเพื่อลดโอกาสเกิดฝ้า กระมากวนใจ

สารบัญบทความ

ฝ้า กระ คืออะไร

ฝ้า กระคือปัญหาผิวที่แสดงลักษณะเป็นจุดหรือปื้นบนผิวหนัง มีสีเข้มกว่าผิวหนังบริเวณรอบ ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตามผิวหน้าหรือตามผิวกาย รูปแบบของฝ้า กระมีหลายรูปแบบหลายชนิด และยังมีหลายสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝ้า กระ แต่โดยส่วนมากมักมาจากรังสียูวีที่มาพร้อมกับแสงแดด แสงไฟ หน้าจอโทรศัพท์ เป็นต้น

 

ฝ้า กระเป็นกลไกที่ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมามากเกินไปเพื่อป้องกันการรุกรานของรังสียูวีที่อาจเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลำดับพันธุกรรมของเซลล์ผิวหรือมะเร็งผิวหนัง ไม่สร้างความเจ็บปวดทางกายภาพ และไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจมีผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจได้โดยเฉพาะการเกิดฝ้าที่หน้า หรือหน้าเป็นกระ

 

ปรึกษาปัญหาฝ้ากระและผิวหนังกับแพทย์ผิวหนังที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ไม่มีค่าจัดส่งยา

ฝ้า กระ ต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าหลายคนก็พอจะทราบมาบ้างว่าฝ้ากับกระมีความแตกต่างกัน แต่อาจยังไม่เข้าใจว่าฝ้ากับกระต่างกันยังไงอย่างชัดเจน และเวลาที่หน้าขึ้นเป็นรอยดำนั้นเป็นรอยฝ้าหรือรอยกระกันแน่ ในหัวข้อนี้จะมาเปรียบเทียบความแตกต่างของฝ้าและกระ ให้คุณสามารถแยกฝ้ากับกระด้วยตนเองง่าย ๆ

ฝ้ากับกระต่างกันยังไง
  • ฝ้า หรือ melasma คือรอยดำที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินมารวมตัวอยู่ใต้ผิวหนังมากผิดปกติ มักมีลักษณะเป็นปื้น ๆ มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รูปร่างหลากหลายแบบ และมีความเข้มของสีอยู่หลายระดับ และมักขึ้นบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะโหนกแก้ม หน้าผาก คาง 

 

โดยฝ้าขึ้นหน้ามักเกิดจากแสงแดดเป็นหลักแต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง การใช้ยาบางชนิด รวมถึงโรคอื่น ๆ บางโรค เป็นต้น

หน้าเป็นกระ จุดด่าง ดํา
  • กระ คือรอยจุดด่างดำที่ลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ขนาดเล็ก ๆ กระจายตัวกัน สามารถเห็นขอบเขตของกระแต่ละจุดได้ชัดเจน สามารถเกิดขึ้นได้ตามใบหน้าและลำตัว พบได้บ่อยตามใบหน้า โดยเฉพาะแก้มและหน้าผาก อาจมีน้ำตาลเข้มหรืออ่อน ลักษณะเรียบหรือนูนขึ้นอยู่กับประเภทของกระ 

 

กระจะแตกต่างจากฝ้าโดยกระเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินที่มาจากพันธุกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยอาจมีแสงยูวีเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดกระเพิ่มมากขึ้น

ฝ้า กระ เกิดจากอะไร

ฝ้าและกระเกิดจากหลายสาเหตุ และมีสาเหตุที่แตกต่างกัน ในหัวข้อนี้จะขอแบ่งการเกิดฝ้าและการเกิดกระเกิดจากอะไรได้บ้าง ดังนี้

  • การเกิดฝ้าเกิดจากอะไร? 

สาเหตุการเกิดฝ้าที่สำคัญที่สุดคือรังสียูวี โดยสามารถพบรังสียูวีได้จากแสงแดด แสงจากหลอดไฟ แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แสงจากหน้าจอสมาร์ตโฟน ความร้อนจากไฟ เป็นต้น 

นอกจากนี้ฝ้ายังเกิดได้ง่ายขึ้นหากมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ผิวบางและได้รับผลกระทบจากรังสียูวีได้ง่ายกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น ยาคุมกำเนิด พันธุกรรม เครื่องสำอาง การใช้ยารักษาโรคบางชนิดหัตถการฉายแสงรักษาโรค หัตถการเลเซอร์ การลอกผิว และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างในช่วงวัยทองที่ฮอร์โมนเอสโทรเจนจะลดลง เมลานินทำงานหนักขึ้นเมื่อเจอแสงแดด ก็จะทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย 

  • กระเกิดจากอะไร?

กระเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน ทำให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นส่งผลให้บริเวณที่มีการรวมของเม็ดสีเมลานินมีสีเข้มกว่าปกติ โดยมีสาเหตุที่ทำให้เกิดกระอยู่หลายสาเหตุเช่น พันธุกรรม มักพบในผู้ที่มีผิวขาว (ชาวยุโรป) มากกว่าผู้ที่มีผิวสีอื่น อายุที่มากขึ้น ที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวที่ผิดปกติ หรือรังสียูวีจากแสงแดด โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดกระก็ส่งผลต่อลักษณะของกระที่แตกต่างกัน

พฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดฝ้า กระได้

พฤติกรรมเสี่ยงเกิดฝ้า กระ

ตัวเร่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวอย่างฝ้า กระก็มักมาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือพฤติกรรมที่ไปเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาฝ้า กระได้ เช่น

  • ปล่อยให้ผิวหนังเผชิญกับแสงแดด

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในแสงแดดเต็มไปด้วยรังสียูวีที่สามารถทะลุผ่านผิวหนังและก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวมากมาย หากไม่ทาครีมกันแดดเพื่อเป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสียูวี ร่างกายก็ต้องกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มเพื่อป้องกันรังสียูวีแทน ทำให้เกิดรอยฝ้า กระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ดูหมองคล้ำ

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป

การผลัดเซลล์ผิวช่วยให้ผิวใหม่ดูกระจ่างใส สะอาด ลดการอุดตันได้ก็จริง แต่หากใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากเกินไปจะทำให้ผิวบางและไวต่อแสงแดด รังสียูวีเข้าสู่ชั้นผิวได้มากและไปเร่งการเกิดฝ้า กระได้ง่ายกว่าเดิม

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด

การกระทำเหล่านี้ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิวและก่อให้เกิดกระขึ้น

  • ใช้ยาคุมหรือยากลุ่มควบคุมฮอร์โมน

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปมีผลต่อการเกิดฝ้า กระบนผิวหนัง การใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนจึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระได้มากขึ้น

 

ปรึกษาปัญหาฝ้ากระและผิวหนังกับแพทย์ผิวหนังที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ไม่มีค่าจัดส่งยา

 

ลักษณะของฝ้า

ลักษณะของฝ้าแต่ละชนิด

ฝ้าจะขึ้นเป็นแผ่นหรือเป็นปื้น อาจเกิดขึ้นเป็นบริเวณเล็ก ๆ ไปจนถึงเป็นบริเวณกว้าง มีสีอ่อนไปจนถึงเข้ม ขึ้นกับลักษณะของฝ้าแต่ละชนิด 

 

ฝ้ามีกี่ประเภท? ฝ้ามี 4 ประเภทแบ่งตามความลึกของฝ้า ดังนี้

  • ฝ้าตื้น : เป็นฝ้าที่อยู่บนผิวชั้นหนังกำพร้าซึ่งเป็นผิวชั้นนอกสุด สามารถมองเห็นสีและขอบเขตของฝ้าได้ชัดเจน มักจะมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม
  • ฝ้าลึก : เป็นฝ้าที่อยู่ชั้นที่ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า สีที่ปรากฏมักจะมีสีน้ำตาลไปทางโทนอมม่วงหรือฟ้า เพราะฝ้าประเภทนี้อยู่ชั้นที่ลึกกว่าทำให้มองเห็นขอบเขตฝ้าไม่ชัดเจน และมีสีที่จางกว่าฝ้าตื้น แต่รักษาได้ยากกว่าเพราะจุดเกิดฝ้าอยู่ลึกกว่า
  • ฝ้าผสม : เป็นฝ้าที่มีทั้งแบบตื้นและแบบลึก ซึ่งผู้ที่มีปัญหาหน้าเป็นฝ้าส่วนมากมักจะเป็นฝ้าแบบผสม
  • ฝ้าที่แยกชนิดได้ไม่ชัดเจน : มักเกิดในผู้ที่มีผิวสีเข้ม ทำให้แยกความแตกต่างของฝ้าแต่ละชนิดได้ยาก

 

นอกจากนี้เรายังแบ่งประเภทของฝ้าด้วยสาเหตุของการเกิดฝ้าได้อีก 2 ประเภท คือ

  • ฝ้าแดด : เกิดจากรังสียูวีพบมากในแสงแดด หรือแสงสีฟ้าที่มักพบได้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน เป็นต้น
  • ฝ้าเลือด : เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังที่แตกและรวมตัวอยู่ใต้ผิวหนัง โดยมีสาเหตุอยู่หลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน การใช้ยา หรือการลอกผิวที่อันตราย เป็นต้น

ลักษณะของกระ

หน้าเป็นกระ

กระมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ กลม ๆ กระจายอยู่ทั่วผิวหน้าและลำตัว มักจะเกิดกระที่หน้าบริเวณแก้มและหน้าผากมากเป็นพิเศษ

 

กระมี 4 ประเภท ดังนี้

  • กระตื้น : เป็นกระที่อยู่ชั้นหนังกำพร้า สามารถมองเห็นขอบกระได้ชัดเจน มีสีน้ำตาลเข้ม มักจะเกิดขึ้นเป็นจุดหลายจุด กระจายทั่วบริเวณแต่เกาะตัวกันเป็นกลุ่ม 
  • กระลึก : เป็นกระที่อยู่ชั้นลึกลงไป สีจุดจะจางกว่ากระตื้น มีสีน้ำตาลอ่อนหรือค่อนข้างไปทางฟ้า ม่วง และอาจเห็นขอบกระได้ไม่ชัดเจนเท่ากระตื้น มักเกิดจากผิวสัมผัสกับแดดสะสมเป็นเวลานาน
  • กระแดด : เป็นกระที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน พบได้บ่อยในวัยผู้ใหญ่ กระแดดจะมีสีเข้ม ผิวเรียบ
  • กระเนื้อ : เป็นกระที่เกิดจากความผิดปกติในการแบ่งเซลล์ผิว ทำให้เกิดลักษณะเป็นก้อนนูนสีน้ำตาลเข้ม มักเกิดตามบริเวณใบหน้าและลำคอ พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากขึ้น

วิธีรักษาฝ้า กระ

ปัญหาฝ้า กระอาจไม่ใช้ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ไม่ใช่โรคอันตราย แต่หลายคนก็มีความต้องการรักษาฝ้า กระให้หายไปจากผิวโดยเร็ว ในปัจจุบันได้มีวิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำอยู่หลายวิธี ทั้งเป็นวิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำแบบธรรมชาติ หรือจะรักษาฝ้า กระด้วยหัตถการทางการแพทย์ก็ตาม

วิธีรักษาฝ้า กระ มีดังนี้

  • การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยยา

การใช้ยาเพื่อรักษาฝ้า กระ นิยมใช้เป็นการรักษาหลักหรืออาจใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น โดยตัวยารักษาฝ้า กระจะมีส่วนผสมของสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ช่วยให้เม็ดสีที่รวมตัวกันใต้ผิวหนังจนเกิดฝ้า กระลดลง สีผิวดูกระจ่างใสขึ้น 

โดยผลลัพธ์ที่ได้อาจช้ากว่าวิธีเลเซอร์หรือการฉีดเมโสเพราะตัวยาจะค่อย ๆ ซึมผ่านผิวหนัง ซึ่งจะช้ากว่าเลเซอร์ที่เข้าไปทำลายเม็ดสีโดยตรงหรือเมโสที่เข้าไปบำรุงผิวตั้งแต่ภายใน

นอกจากยารักษาฝ้า กระแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดฝ้า กระอยู่หลายรูปแบบไม่ว่าจะครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว ซึ่งจะมีส่วนผสมคล้ายกับยารักษาฝ้า แต่อาจมีความเข้มข้นของตัวยาน้อยกว่า

หากยังไม่ต้องการใช้ยารักษาฝ้าก็อาจใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลดฝ้า กระได้เช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTER SERUM เซรั่มบำรุงผิวหน้าลดปัญหาฝ้าแดด จุดด่างดำเนื้อบางเบาพิเศษ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถลดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้จริง ให้ผิวดูใส สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้นและลดโอกาสการเกิดใหม่ของฝ้า กระ จุดด่างดำได้จริง 

 

สามารถสั่งซื้อพร้อมปรึกษาเภสัชกรได้ที่แอป BeDee ปรึกษาได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษา! จัดส่งสินค้าสุขภาพถึงบ้าน

 

  • การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยการเลเซอร์

การรักษาฝ้า กระด้วยเลเซอร์เป็นวิธีแก้ไขฝ้า กระที่เห็นผลได้เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ เนื่องจากเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ผิวโดยตรงทำให้รอยฝ้า กระดูจางลง 

 

แต่การใช้เลเซอร์ไม่สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินใหม่ได้ ทำให้มีโอกาสที่ฝ้า กระจะกลับมาขึ้นใหม่อีกครั้ง และหากดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ไม่ดีอาจทำให้ฝ้า กระกลับขึ้นมาใหม่เร็วขึ้นเนื่องจากหลังทำเลเซอร์ผิวจะบางลงนั่นเอง

 

  • การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยการทำเมโสหน้าใสหรือการฉีดวิตามินผิว

การฉีดวิตามินผิวหรือการทำเมโสจะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาแข็งแรง พร้อมกับลดการสร้างเม็ดสีเมลานินจึงช่วยให้ฝ้า กระดูจางลง ผิวกระจ่างใสขึ้น หากต้องการเน้นลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวหนังอาจเลือกสูตรหน้าใสที่อุดมไปด้วยวิตามินซีหรือกลูต้าไธโอนได้

 

เพิ่มความสดชื่น บูสต์ร่างกายและจิตใจด้วยแพ็กเกจดูแลสุขภาพแบบองค์รวมจาก BeDee ให้คุณ Drip Vitamin พร้อมพูดคุยกับนักจิตวิทยาคลินิก สดชื่นทั้งกายและใจ มีแพ็กเกจหลากหลายให้เลือกช้อป

 

  • การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยการใช้สมุนไพร

มีสมุนไพรหลายชนิดที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น มะนาว ขมิ้น มะขามเปียก เป็นต้น หากใครที่สนใจรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำแบบธรรมชาติก็สามารถใช้สมุนไพรเหล่านี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามอาจเห็นผลที่ไม่ชัดเจนเท่ากับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ และอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้

วิธีป้องกันเพื่อลดการเกิดฝ้า กระ

ฝ้า กระสามารถรักษาได้ แต่อาจไม่หายไปอย่างถาวร ดังนั้นการป้องกันผิวไม่ให้เกิดฝ้า กระแต่แรกจึงสำคัญกว่า แล้วมีวิธีป้องกันฝ้า กระอย่างไรบ้าง?

 

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

เพราะแสงแดดเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดฝ้า กระบนผิว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงกับการสัมผัสแสงแดดให้มากที่สุด โดยเฉพาะแสงแดดในช่วงกลางวันซึ่งจะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของรังสียูวีมากที่สุด และเพื่อป้องกันผิวที่มีประสิทธิภาพควรจะทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

วิธีป้องกันเพื่อลดการเกิดฝ้า กระ

Eucerin Sun Protection SUN DRY TOUCH ACNE OIL CONTROL SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าสูตรควบคุมความมันเหมาะกับผิวมัน ผิวเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ปกป้องผิวถูกทำร้ายจากรังสี High Energy Visible Light ถึง 85% จึงลดโอกาสเกิดฝ้า กระจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี พร้อมกับคาร์นีทีนช่วยคุมมันลดการเกิดสิวอุดตันอีกด้วย

 

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกายและเมื่ออนุมูลอิสระในร่างกายลดลงจึงทำให้การสร้างเม็ดสีลดลงเช่นกัน

 

  • รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดจำนวนอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระได้

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการรักษาฝ้ากระ 

  • การใช้กรดหรือสารเคมีรักษาฝ้ากระ

เพราะฝ้า กระเกิดจากการที่ผิวมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติในชั้นผิว หากเป็นฝ้า กระตื้นอยู่บนชั้นหนังกำพร้าก็สามารถใช้การลอกฝ้า กระด้วยสารเคมีเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าออกให้เร็วขึ้นและแทนที่ด้วยผิวใหม่ที่ใสกว่าได้ แต่สำหรับฝ้า กระลึกมาก การลอกฝ้าอาจเห็นผลไม่ดีหรือไม่ได้ผล 

 

อีกทั้งการใช้สารเคมีหรือกรดในการรักษาฝ้า กระจำเป็นต้องรักษาด้วยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเท่านั้นเนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงอันตรายทำให้หน้าไหม้หน้าลอกรุนแรงได้ และจะต้องดูแลผิวหลังรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อลดโอกาสที่ฝ้า กระจะเกิดซ้ำเนื่องจากหลังลอกฝ้าผิวจะบางกว่าเดิมและมีโอกาสที่แสงแดดจะเข้าไปทำร้ายผิวง่ายขึ้นนั่นเอง

 

  • การใช้ไฮโดรควิโนนรักษาฝ้ากระ

ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) มีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้สีผิวดูจางลงได้ไว ในอดีตมักนิยมใช้เป็นส่วนผสมของยา สกินแคร์ และเครื่องสำอางเพื่อช่วยให้ผิวขาวใส แต่ต่อมามีการวิจัยพบว่าไฮโดรควิโนนมีผลข้างเคียงเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานและยังมีแนวโน้มทำให้เกิดภาวะผิวอักเสบจึงถูกเพิกถอนเป็นส่วนผสมต้องห้ามในหลายประเทศ 

 

แต่สำหรับในไทยนั้นไฮโดรควิโนนยังมีการใช้ในรูปแบบยาอันตรายสำหรับการรักษาฝ้า กระ รอยดำเนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดีและเร็ว แต่อย่างไรก็ตามควรจะต้องใช้ยาไฮโดรควิโนนในการดูแลของแพทย์เท่านั้น หากซื้อใช้เองอย่างไม่ระวังอาจทำให้ผิวคล้ำดำมากขึ้นและก่อผลเสียต่อผิวในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฝ้า กระ

ฝ้า กระ สามารถรักษาหายได้ไหม?

ฝ้า กระสามารถรักษาให้หายได้เพียงแต่ผลลัพธ์ของการรักษายังขึ้นอยู่กับชนิดของฝ้า กระด้วย เพราะฝ้า กระบางชนิดก็อาจรักษาได้ไม่หายขาดและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

การเกิดฝ้า กระเป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งผิวหนังใช่หรือไม่? 

ฝ้า กระเกิดขึ้นเนื่องจากเม็ดสีเมลานินถูกกระตุ้นให้ผลิตมากขึ้นเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ฝ้า กระจึงไม่ใช่ต้นเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง

แต่อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งผิวหนังบางชนิดอาจมีอาการที่คล้ายคลึงกับฝ้า ดังนั้นหากเกิดรอยปื้นบนผิวควรให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยจะดีที่สุด

ใช้ครีมสเตีรอยด์รักษาฝ้ากระได้หรือไม่ 

การใช้สเตียรอยด์เพื่อรักษาฝ้ากระนั้นไม่ใช่การรักษาโดยตรง การใช้ครีมสเตีรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้ผิวหน้าบางลง ผิวซีด ทำให้ผิวหนังเกิดอาการติดสเตียรอยด์ การใช้ยาสเตียรอยด์จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น

สรุปฝ้า กระ

ฝ้า กระเป็นปัญหาผิวที่กวนใจ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ไม่เรียบเนียน สามารถรักษาได้หลายวิธีไม่ว่าจะการใช้ยาทา การทำเลเซอร์ การฉีดเมโสหน้าใส หรือการใช้สมุนไพรรักษาฝ้า กระแบบธรรมชาติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลผิวที่ดี ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงแสงแดด และรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์

ปัญหาผิวพรรณและฝ้า ปรึกษาหมอออนไลน์และเภสัชกรที่แอป BeDee เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวกได้ทุกวัน ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS 

 

 

 

Content powered by BeDee Expert

ภญ.นันทวรรณ ภักดีประพันธ์

เภสัชกร

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Caplin, C. (2020, August 8). What is the difference between brown spots, freckles, and Melasma? Cosmetic surgery affiliates. https://csaok.com/blog/what-is-the-difference-between-brown-spots-freckles-and-melasma

Cleveland Clinic medical professional. (2020, July 27). Melasma. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21454-melasma

บทความที่เกี่ยวข้อง

พูดถึงเรื่องสัญญาณที่บ่งบอกถึงวัยคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ริ้วรอย” เรียกได้ว่าริ้วรอยเป็นศัตรูอย่างหนึ่งของทั้งคุณผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชาย อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้คนเรารับมือและจัดการกับริ้วรอยได้มากขึ้น มีการพัฒนาและคิดค้นส่วนผสมที่จะช่วยล

ปัญหาผิวเรื่องใหญ่ของหลายคนไม่ว่าจะเพศอะไรคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “สิว” ปัญหาเรื้อรังที่จัดการได้ยาก ทำลายความมั่นใจ พอหายแล้วก็ยังทิ้งรอยสิวและหลุมสิวไว้อีกนาน หลายคนอยากมีผิวขาว ดูมีสุขภาพดี จึงหมั่นรับประทานวิตามินซี และวิตามินบำรุงผิวอื่น ๆ แต่ไม่ว่