ตรวจมะเร็งเต้านม

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

  • ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเต้านมเกิดได้จาก เพศ, อายุ, พันธุกรรม, ฮอร์โมนเพศหญิง และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  • อายุ 20 ขึ้นไป ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน และตรวจโดยแพทย์ทุก 1–3 ปี
  • สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจตรวจมะเร็งเต้านม ราคาพิเศษจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS ได้ที่ Health Plaza
สารบัญบทความ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมมีอะไรบ้าง?

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมนั้นมีหลายอย่างด้วยกัน ทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เช่น 

  1. เพศและอายุ
    พบว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้ชายมาก และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป 

  2. พันธุกรรม
    การมีประวัติคนในครอบครัว โดยเฉพาะญาติสายตรง เช่น แม่ พี่สาว น้องสาว เป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าคนทั่วไป รวมถึงการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2

  3. ฮอร์โมนเพศหญิง
    การมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย (ก่อน 12 ปี), การหมดประจำเดือนช้า (หลัง 55 ปี), การใช้ฮอร์โมนทดแทนต่อเนื่องเป็นเวลานาน, การไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

  4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
    การดื่มแอลกอฮอล์เและสูบบุหรี่ป็นประจำ, ขาดการออกกำลังกาย, น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน รวมถึงผู้ที่ขาดการตรวจสุขภาพประจําปี

 

ช้อปแพ็กเกจตรวจมะเร็งเต้านม ราคาพิเศษจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS พร้อมส่วนลด On Top ได้ที่นี่

อาการบ่งชี้มะเร็งเต้านมมีอะไรบ้าง สังเกตอย่างไร?

อาการบ่งชี้มะเร็งเต้านม

วิธีรู้ทันโรคมะเร็งเต้านมและการเพิ่มโอกาสรักษาเริ่มต้นจากการสังเกตตัวเองอยู่เสมอ ทั้งการตรวจคลำเต้านมด้วยตัวเอง และการสังเกตลักษณะเต้านม ด้วยวิธีดังนี้

  • คลำพบก้อนในเต้านมหรือใต้รักแร้ ก้อนแข็ง ไม่เจ็บ ขยับไม่ได้ มักอยู่ด้านเดียว และไม่หายไปหลังหมดรอบเดือน
  • มีของเหลวไหลออกจากหัวนม โดยเฉพาะของเหลวลักษณะใส เหลือง หรือมีเลือด ซึ่งไม่เกี่ยวกับการให้นมบุตร
  • หัวนมมีรูปร่างเปลี่ยนไป หัวนมบอดหรือบุ๋มเข้า
  • ผิวรอบหัวนมลอกหรือเป็นแผล
  • ผิวหนังบริเวณเต้านมผิดปกติ มีลักษณะขรุขระคล้ายเปลือกส้ม บวม แดง หรือหนาเฉพาะที่
  • เต้านมข้างหนึ่งมีขนาดหรือรูปทรงเปลี่ยนไป อาจโตขึ้นหรือหย่อนลงไม่เท่ากันอย่างผิดปกติ
  • เจ็บเต้านมหรือบริเวณรักแร้


BeDee Tips: ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สำคัญอย่างไร ใครควรตรวจบ้าง? อ่านเลย!

วิธีตรวจมะเร็งเต้านมทำอย่างไร มีวิธีอะไรบ้าง?

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมนั้นมีหลายรูปแบบ ปัจจุบันวิธีตรวจโดยพื้นฐานคือการตรวจเต้านมด้วยตนเองร่วมกับการตรวจโดยแพทย์ มีรายละเอียดวิธีการตรวจดังนี้

1. ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง

การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ผู้หญิงสามารถทำเองได้ทุกเดือน เพื่อสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับเต้านม เช่น ก้อนเนื้อ ผิวหนังเปลี่ยนแปลง หรือหัวนมผิดปกติ ซึ่งหากตรวจพบเร็วจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ช่วงเวลาเหมาะแก่การคลำเต้านมที่สุดคือ หลังหมดประจำเดือน 7 วัน เพราะเต้านมจะนิ่ม ไม่บวมเจ็บ

 

สำหรับผู้ที่หมดประจำเดือนแล้ว ให้เลือกวันเดียวกันของทุกเดือนเพื่อตรวจ

  1. ตรวจหน้ากระจก 
  • ถอดเสื้อชั้นใน 
  • ยืนหน้ากระจกในที่ ๆ มีแสงสว่าง
  • สังเกตลักษณะของเต้านมทั้งสองข้างว่า ขนาด รูปร่าง เท่ากันหรือไม่
  • มีผิวขรุขระ หรือมีรอยบุ๋ม คล้ายเปลือกส้มหรือไม่
  • หัวนมบอด เบี้ยว หรือมีของเหลวผิดปกติหรือไม่
  • ยกแขนขึ้นสูงทั้งสองข้าง แล้วดูความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

  1. ตรวจขณะอาบน้ำ 
  • ใช้ปลายนิ้ว 3 นิ้ว นิ้วชี้ กลาง นาง วางราบบนเต้านม
  • คลำวนเป็นวงกลมหรือกวาดขึ้น-ลง ตามแนวเต้านม
  • ตรวจจากเหนือเต้านม ใต้กระดูกไหปลาร้า ไล่ลงมาจนถึงใต้ราวนม และด้านข้างเต้านมจนถึงรักแร้

  1. ตรวจขณะนอนราบ 
  • นอนหงาย วางหมอนรองใต้ไหล่ข้างที่จะตรวจ
  • ยกแขนข้างเดียวกับเต้านมที่ตรวจพาดเหนือศีรษะ
  • ใช้นิ้วมืออีกข้างคลำตามแนวเดิมอย่างช้า ๆ และทั่วถึง
  • กดแรงเล็กน้อยเพื่อให้รู้ถึงก้อนที่ลึกขึ้น

2. ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์

  • การตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) คือการถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ความละเอียดสูงของเต้านม

ใช้ตรวจหาก้อนเนื้อหรือความผิดปกติที่ยังไม่แสดงอาการ เหมาะสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ไม่มีอาการแต่ต้องการตรวจคัดกรองประจำปี

 

การทำแมมโมแกรมช่วยให้ตรวจพบก้อนเนื้อหรือหินปูนขนาดเล็กก่อนคลำได้ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บขณะถูกบีบเต้านมระหว่างทำได้เล็กน้อย

 

  • อัลตราซาวนด์เต้านม (Breast Ultrasound) คือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของเนื้อเยื่อในเต้านมโดยไม่ใช้รังสี เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีเต้านมหนาแน่น เช่น วัยก่อนหมดประจำเดือน ผู้ที่คลำเจอก้อน หรือมีของเหลวไหลจากหัวนม

3. ตรวจมะเร็งการเจาะชิ้นเนื้อ

การเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) คือ การนำเนื้อเยื่อจากร่างกายมาตรวจทางพยาธิวิทยา (Pathology) เพื่อวินิจฉัยว่าชิ้นเนื้อนั้นเป็นเซลล์ปกติหรือเซลล์มะเร็ง แพทย์จะเจาะชิ้นเนื้อหลังจากตรวจพบสิ่งผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้อจากการทำแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวนด์ แล้วนำไปส่งตรวจ


BeDee Tips: ตรวจสุขภาพผู้หญิงตามแต่ละช่วงอายุ ควรตรวจอะไรบ้าง? อ่านที่นี่

ใครควรตรวจมะเร็งเต้านมอายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่มตรวจคัดกรอง?

ใครควรตรวจมะเร็งเต้านม

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมนั้นขึ้นอยู่กับอายุและปัจจุยเสี่ยงของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้ตรวจคัดกรองตามข้อมูลดังนี้

  • อายุ 20 ขึ้นไป ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน และตรวจโดยแพทย์ทุก 1–3 ปี
  • อายุน้อยกว่า 35 ปี ควรทำอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ปีละ 1 ครั้ง
  • อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจเต้านมโดยแพทย์ปีละ 1 ครั้ง และตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) ทุก 1–2 ปี 
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีญาติสายตรง เช่น แม่ พี่สาว น้องสาว เป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่, ผู้ที่มียีนกลายพันธุ์ BRCA1 หรือ BRCA2 และผู้เคยได้รับรังสีบริเวณหน้าอกช่วงอายุยังน้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มตรวจคัดกรองเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 30–35 ปี

วิธีลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ป้องกันก่อนเกิดโรคมะเร็ง 

ปัจจุบันนี้มะเร็งเต้านมสามารถตรวจเจอได้ไวด้วยการตรวจคัดกรอง และเรายังสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้ด้วยการดูแลตัวเองตามวิธีดังนี้

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือแอโรบิก
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
  • พยายามไม่เครียด และมีวิธีจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เพราะความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อภูมิคุ้มกันและฮอร์โมนในร่างกาย ใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น สมาธิ โยคะ
  • ตรวจเต้านมสม่ำเสมอ คลำเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน และตรวจโดยแพทย์เป็นประจำ 
  • หากจำเป็นต้องทานฮอร์โมน ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจมะเร็งเต้านม

1. การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีอัลตร้าซาวด์กับแมมโมแกรมต่างกันอย่างไร?

แมมโมแกรมเป็นวิธีการตรวจเต้านมโดยใช้รังสีเอกซเรย์เพื่อจับภาพภายในเนื้อเยื่อเต้านม เหมาะสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ช่วยให้ตรวจพบก้อนเนื้อหรือหินปูนขนาดเล็กที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้แม้ยังคลำไม่เจอ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะตรวจ เนื่องจากเต้านมจะถูกกดให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น

 

ในขณะที่การอัลตร้าซาวด์เต้านม เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ไม่ใช้รังสี จึงเหมาะสำหรับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น การทำอัลตร้าซาวด์ช่วยแยกแยะได้ว่าก้อนที่พบเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ รวมถึงช่วยดูความผิดปกติในตำแหน่งที่แมมโมแกรมอาจให้ภาพไม่ชัดเจน

 

โดยสรุปแล้วจะใช้การตรวจวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ หรือในบางกรณีอาจทำร่วมกันทั้ง 2 วิธีเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน

2. ตรวจมะเร็งเต้านมที่ไหนดี?

สามารถซื้อแพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมได้ที่ Health Plaza มีแพ็กเกจตรวจราคาพิเศษจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS ให้เลือกมากมาย พร้อมโค้ดส่วนลดพิเศษ

ตรวจมะเร็งเต้านม รู้ไวรักษาได้ รีบตรวจเลย!

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้เรารู้ทันโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะต้น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษา ลดอัตราการเสียชีวิต ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น 

 

ช้อปแพ็กเกจสุขภาพได้เลยที่ Health Plaza รวมแพ็กเกจตรวจสุขภาพมาตรฐาน BDMS สะดวก ใช้งานง่าย พร้อมส่วนลด On Top 

 

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @healthplaza

 

Content powered by BeDee Expert

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

References

 

American Cancer Society Recommendations for the Early Detection of Breast Cancer. (2023, December 19). American Cancer Society. https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/screening-tests-and-early-detection/american-cancer-society-recommendations-for-the-early-detection-of-breast-cancer.html

Screening for Breast Cancer. (2024, September 16). CDC. https://www.cdc.gov/breast-cancer/screening/index.html

Breast cancer. (2024, March 13). World Health Organization. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer

บทความที่เกี่ยวข้อง

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง Key Takeaways PCOS คือ ภาวะที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ ทำให้รังไข่สร้างฮอร์โมนเพศชายมา

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง เมื่อพูดถึงการมีประจำเดือนหรืออาการเมนส์จะมาหลายคนอาจจะนึกถึงอาการปวดท้องประจำเดือน, ตกขาว หรื