ปวดท้องประจำเดือนแบบไหนอันตราย วิธีแก้ปวดท้องเมนส์เร่งด่วน
เมื่อพูดถึงอาการ ปวดท้องเมนส์ หรือ ปวดท้องประจำเดือนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของผู้หญิงจำนวนมากที่ต้องเผชิญทุกเดือนเลยทีเดียว บางรายอาจจะมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย บางคนปวดรุนแรงจนถึงขั้นเป็นลม ต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติ ของมดลูกหรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่น ๆ ได้ เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก เป็นต้น หรือหลายคนอาจจะกังวลว่าตัวเองอาจจะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ พูดได้เลยว่าอาการปวดท้องประจำเดือนนั้นสร้างความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันของสาว ๆ ที่ต้องระวัง ไม่ควรมองข้าม
อาการปวดท้องประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือน (Menstrual Cramps หรือ Dysmenorrhea) และอาการร่วมอื่น ๆ ที่พบบ่อยในช่วงมีประจำเดือน มีดังนี้
- ปวดบิด ปวดเกร็งเป็นพัก ๆ บริเวณท้องน้อย
- ปวดท้องร้าวไปถึงหลัง
- ปวดหัว เวียนหัว
- ปวดหลัง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย ถ่ายเหลว
ปวดท้องประจำเดือนแบบไหนที่ควรพบแพทย์
อาการปวดท้องประจำเดือนอาจไม่ใช่อาการปวดที่ปกติเสมอไป ดังนั้นเราต้องสังเกตสัญญาณเตือนอาการปวดท้องประจำเดือนที่ผิดปกติควรพบแพทย์ด่วน ได้แก่
- ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นทุกเดือน
- รับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น
- ปวดประจำเดือนและมีไข้ร่วมด้วย
- ปวดประจำเดือนรุนแรงเป็นครั้งแรกเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป
- ประจำเดือนมามากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง
- ปวดท้องน้อยแต่ไม่มีประจำเดือน
- ประจำเดือนเป็นสีคล้ำ ผิดปกติ
- ตกขาวมีกลิ่น
- คันช่องคลอด
สาเหตุของการปวดท้องประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือนเกิดจากสาเหตุหลักดังนี้
- การปวดท้องประจำเดือนที่เกิดจากสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่ร่างกายจะหลั่งออกมาในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากขึ้น
- การปวดท้องประจำเดือนที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของมดลูกหรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่น ๆ เช่น
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis หรือ Chocolate Cyst)
- ถุงน้ำในรังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome) เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่ผิปกติทำให้เกิดถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ อาการที่สังเกตได้คือ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมานานกว่าปกติ เป็นต้น
- เนื้องอกในมดลูก
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ
ประเภทของการปวดท้องประจำเดือน
ปวดประจำเดือนประเภทปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea)
การปวดท้องประจำเดือนแบบปฐมภูมิคืออาการปวดท้องประจำเดือนที่ไม่มีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย อาการปวดท้องประจำเดือนประเภทนี้เกิดจากสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่ร่างกายจะหลั่งออกมาในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากขึ้น อาการปวดท้องประจำเดือนปฐมภูมิที่สังเกตได้ เช่น
- ปวดบริเวณท้องน้อยในช่วงในช่วง 48 ชั่วโมง ก่อนมีประจำเดือน และคงอยู่ประมาณ 2 วันของการมีประจำเดือน
- ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน และอาจร้าวไปถึงหลัง หรือต้นขาได้
- ท้องเสีย ถ่ายเหลว
- คลื่นไส้
- อ่อนเพลีย เหนื่อย
- ตรวจภายในแล้วไม่พบความผิดหรือโรคอื่น ๆ
ปวดประจำเดือนประเภททุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea)
อาการปวดท้องประจำเดือนทุติยภูมิคืออาการปวดท้องประจำเดือนที่มีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การใส่ห่วงอนามัย และอื่น ๆ โดยมักมีอาการที่สังเกตได้ดังนี้
- ปวดท้องประจำเดือนรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
- ปวดท้องเมนส์จนนอนไม่ได้
- รับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือยาคุมกำเนิดแล้วอาการไม่ดีขึ้น ไม่ตอบสนองกับยา
- อาการปวดประจำเดือนรุนแรงมากกว่าในอดีต หรือในอดีตไม่เคยปวดท้องประจำเดือนมาก่อน
- ประจำเดือนมามาก หรือมาผิดปกติ
- รู้สึกเจ็บ ปวด ขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีตกขาวที่มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ
- ภาวะมีบุตรยาก
การบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
โดยทั่วไปแล้วกลุ่มยาแก้ปวดประจำเดือนคือยากลุ่ม Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือ NSAIDs กลุ่มยา NSAIDs คือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน หรือสารที่กระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัวซึ่งทำให้เกิดอาการปวดท้อง ทั้งนี้การรับประทานยา กลุ่ม NSAIDs ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน เพื่อเลือกยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เนื่องจากยากลุ่มนี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร โรคตับ โรคไตเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่มีประวัติแพ้ยา
นอกเหนือจากการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนแล้ว ยังสามารถใช้การประคบอุ่นบริเวณท้องน้อยได้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น โยคะ พิลาทิส หรือการทำสมาธิก็เป็นอีกทางที่ช่วยป้องกันและเป็นวิธีแก้ปวดท้องเมนส์ได้
ปรึกษาการทานยาแก้ปวดท้องประจำเดือนกับเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษา!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปวดท้องประจำเดือน
ปวดท้องประจำเดือน กินยาพาราได้ไหม?
หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนในระดับต่ำ สามารถกินยาพาราเซตตามอลได้ แต่หากพิจารณาในแง่กลไกการออกฤทธิ์ของยาพาราเซตตามอลแล้วตัวยาอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้น้อยเนื่องจากยาพาราเซตามอลไม่สามารถยับยั้งสารพอสตราแกลนดินได้ ดังนั้นอาการปวดจะไม่ได้ดีขึ้นมากนัก จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนระดับปานกลางหรือรุนแรง
ปวดท้องประจําเดือน กินอะไรดี?
เมื่อมีอาการปวดท้องประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการปวดท้องมากขึ้น ควรดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น น้ำอุ่น น้ำขิงอุ่น น้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่น จะช่วยให้รู้สึกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น กล้วย ผักโขม ปวยเล้ง หรือตำลึงจะช่วยลดอาการปวดเกร็งได้