อาการทางจิตสังเกตยังไง

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

  • อาการทางจิตเวชนั้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มโรคด้วยกัน เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคแพนิค โรคเครียด และอื่น ๆ
  • ควรหมั่นสังเกตตัวเองว่าเรามีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เช่น หลีกเลี่ยงการพบเจอคน นอนไม่หลับ ทานน้อยลงหรือมากขึ้นผิดปกติ ไม่มีความสุข หดหู่ สิ้นหวัง 
  • หากมีปัญหาสุขภาพจิตสามารถปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และนักจิตบำบัดผ่านแอปพลิเคชันได้ที่ BeDee
สารบัญบทความ

9 สัญญาณอาการทางจิตเวชที่ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์

สัญญาณอาการทางจิตเวช

หลายคนอาจสงสัยว่าอาการทางจิตสังเกตยังไงอาการแบบไหนควรพบจิตแพทย์ เมื่อไหร่ที่เราควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ BeDee รวบรวม 9 สัญญาณและอาการที่ควรพบจิตแพทย์มีดังนี้

1. รู้สึกเศร้า สิ้นหวัง

หากรู้สึกเศร้าหรือว่างเปล่าเป็นเวลานาน ไม่มีความสุข โดยเฉพาะหากมีความคิดเรื่องความตายและการฆ่าตัวตาย หงุดหงิด กระสับกระส่าย กระวนกระวายใจ รู้สึกสิ้นหวัง ไร้ค่า รู้สึกผิด นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้าที่ต้องรีบปรึกษาจิตแพทย์ด่วน

2. อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย 

ถ้าเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงภายในระยะเวลาอันสั้น (Mood Swings) หุนหันพลันแล่น หรือ ชอบเข้าสังคมมากเกินไปจนเกิดปัญหา (Extreme Extroversion Leading to Problems) อาจแสดงถึงอาการของไบโพลาร์ ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์

3. แพนิค

หากมีอาการ ใจสั่น ใจเต้นแรง แน่นหน้าอก ปั่นป่วนภายในท้อง มือสั่น ตัวสั่น เหงื่อออกมาก หนาว ๆ ร้อน ๆ หายใจถี่ หายใจตื้น หายใจไม่อิ่ม คล้ายจะเป็นลม และรู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะกลัวตาย

 

ควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่คนเดียวไม่ได้ อาจเสี่ยงต่อโรคแพนิค สามารถปรึกษาจิตแพทย์เพิ่มเติมได้

4. กลัวบางอย่าง

อาการกลัวอย่างมากต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น กลัวที่แคบ กลัวความมืด กลัวสุนัขแม้ว่าสุนัขจะอยู่เฉย ๆ แต่ก็รู้สึกกลัว กลัวความสูง กลัวเครื่องบิน อาจเสี่ยงต่อโรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Specific Phobia) หรือ “Phobia” เมื่อผู้ป่วยต้องเจอหรือต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตนเองกลัวจะมีอาการใจสั่น เหงื่อออก แน่นหน้าอก มือชาเท้าชา ในบางกรณีอาจเป็นลมได้

5. วิตกกังวล

โรควิตกกังวล คือการที่มีความกังวลที่มากเกินไปในหลาย ๆ เหตุการณ์หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เรื่องงาน เรื่องการเรียน โดยเป็นเกือบทุกวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมความกังวลนั้นได้

6. Burn out

ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout คือการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ จิตใจ ที่เกิดขึ้นจากความเครียดในการทำงานเป็นระยะเวลานาน และขาดวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเครียดเรื้อรัง ทำให้รู้สึกอ่อนล้าทางอารมณ์และร่างกาย ต่อต้านหรือเกลียดงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน เบื่อหน่าย จนทำให้งานได้แย่ลงหรือไม่อยากทำงานอีกเลย

7. เห็นภาพเหตุการณ์รุนแรงในอดีตซ้ำ ๆ 

ในกรณีที่เคยตกอยู่ในเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น สงคราม การถูกข่มขืน การก่อการร้าย ประสบภัยพิบัติ ประสบอุบัติเหตุ และยังมีอาการฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น เห็นภาพเหตุการณ์เดิมซ้ำ ๆ (flashbacks)

 

รู้สึกว่าตัวเองกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง มีอารมณ์รุนแรงเมื่อได้ยินเสียง กลิ่น หรือสิ่งกระตุ้นที่คล้ายกับเหตุการณ์ อาจเสี่ยงต่อโรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือ โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ

8. ย้ำคิดย้ำทำ 

หากสังเกตว่าเรามีความคิดซ้ำ ๆ มีรูปแบบความคิดหรือความกลัว ความกังวลที่ไม่สมเหตุสมผล จนนำไปสู่พฤติกรรมบางอย่างที่ต้องทำซ้ำ ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) เช่น กลัวว่าตัวเองจะลืมล็อกประตูบ้านจึงต้องเดินกลับไปดูอีกรอบหรือต้องวนรถกลับบ้านไปตรวจดูอีกรอบ กลัวว่าจะลืมปิดไฟ ปิดแก๊ส ทำให้ต้องกลับไปดูว่าตัวเองจัดการสิ่งเหล่านั้นเรียบร้อยหรือยัง ต้องตรวจดูซ้ำ ๆ จนไปทำงานสาย ซึ่งอาการเหล่านี้ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน กระทบต่อคุณภาพชีวิต

9. นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป

หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าอาการนอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หรือแม้แต่นอนหลับมากเกินไปนั้นเป็นสัญญาณอาการทางจิตเวชอย่างหนึ่ง อาการนอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไปอาจเกิดจากโรคเครียดโรคซึมเศร้า, ซึมเศร้าเรื้อรัง, โรควิตกกังวล, โรคไบโพลาร์ หรือโรคทางจิตเวชอื่น ๆ

 

หากไม่แน่ใจว่าอาการทางจิตสังเกตยังไง สามารถปรึกษาผู้ชำนาญการด้านจิตใจได้เลย 

 

ปรึกษาจิตแพทย์ ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก เป็นส่วนตัว 

ส่งยาถึงที่ ไม่มีค่าจัดส่ง

ขั้นตอนการรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ออนไลน์ 

ปัจจุบันเราสามารถรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และนักจิตบำบัดผ่านแอปพลิเคชันได้แล้วที่ BeDee ใช้งานง่าย สะดวก เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ดาวน์โหลดแอป BeDee 
  • ลงทะเบียนข้อมูลผู้ใช้งาน
  • เลือกปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก หรือนักจิตบำบัดทันที หรือทำนัดหมายล่วงหน้าตามเวลาที่สะดวก 
  • ระบุอาการเบื้องต้น
  • ชำระค่าปรึกษาแพทย์ ผ่าน QR PromptPay บัตรเครดิต และบัตรเดบิต
  • รับคำปรึกษาผ่านวิดีโอคอล 
  • ชำระค่ายาในกรณีที่แพทย์มีการจ่ายยา รอรับยาได้เลยที่บ้าน
  • ดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงิน และใบรับรองแพทย์ได้ทันทีหลังจบการปรึกษา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสังเกตอาการทางจิต

1. อาการของคนป่วยจิตเวชมีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้วอาการทางจิตเวชนั้นแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มโรคด้วยกัน เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคแพนิค โรคเครียด และอื่น ๆ จุดที่ควรสังเกตคือเมื่อไหร่ที่พฤติกรรม ความรู้สึกของเราเปลี่ยนแปลงไป เริ่มไม่มีความสุขติดต่อกันหลายวัน นอนไม่หลับ หดหู่ หลีกเลี่ยงการไปทำงาน และอื่น ๆ ตามที่ยกตัวอย่างไปตอนต้น ควรพูดคุยกับจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก หรือนักจิตบำบัด เพื่อหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม

2. อาการทางจิตเวชอันตรายไหม ?

อาการป่วยทางใจนั้นส่งผลกระทบรุนแรง อาจทำให้เราไม่สามารถทำงาน เรียน หรือดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่ เช่น ไม่มีแรงจูงใจ ลังเล ตัดสินใจช้า หรือหมดไฟในชีวิต และอาจนำไปสู่ปัญหาทางกาย เช่น ความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยเรื้อรัง ปัญหาทางเดินอาหาร หรือแม้แต่การทำร้ายตัวเอง หรือมีความคิดอยากตายหรือฆ่าตัวตายได้

อาการทางจิตสังเกตยังไง หากไม่แน่ใจปรึกษาจิตแพทย์เลย

อาการทางจิตเวชเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในปัจจุบันที่เรามีความเครียด มีปัญหาหลายอย่างที่ต้องรับมือมากขึ้น การจัดการกับความเครียดและสุขภาพใจอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลุกลาม

 

BeDee พบหมอเฉพาะทางเครือ BDMS ได้ทันที ไม่ต้องรอ ส่งยาทั่วไทย มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล พื้นที่ปลอดภัย สู่สุขภาพใจที่ดีกว่า โดยบุคลากรมืออาชีพ

 

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

Content powered by BeDee Expert

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Anxiety Disorders. (2024, March 7). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/9536-anxiety-disorders


Panic disorder. (2023, August 22). NHS. https://www.nhs.uk/mental-health/conditions/panic-disorder/


What Is Depression?. (2024, April). American Psychiatric Association. https://www.psychiatry.org/patients-families/depression/what-is-depression

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaways Midlife Crisis มักเกิดในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป อาการที่พบ เช่น แยกตัวออกจากสังคม ตั้งคำถามกับเป้าหมายของตัวเอง ไม่อยากพูดคุยกับใคร เปรียบเทียบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตนเองกับผู้อื่น Midlife Crisis สามารถดีขึ้นได้ด้วยการปรับตัว ปรับควา

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง Key Takeaways Gap Year คือการหยุดพักหลังจากจบมัธยมหรือหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยเพื่อออกไปค้นหา