นอนไม่หลับ

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการแนะนำเบื้องต้น โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

อาการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก ปัญหายอดฮิตที่เราพบมากขึ้นในทุกวันนี้ ด้วยสภาพแวดล้อม การทำงาน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจส่งผลทั้งทางด้านสภาพร่างกายและจิตใจจึงทำให้เกิดการนอนไม่หลับ บางคนนอนหลับยาก นอนแล้วสะดุ้งตื่นกลางดึก ทำให้รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาในตอนกลางวัน ซึ่งอาการนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง และยังส่งผลต่อสุขภาพด้วย ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันปรึกษาหมอออนไลน์ ให้คำปรึกษาเรื่องโรคนอนไม่หลับ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เข้ามาช่วยผู้ป่วย

สารบัญบทความ

นอนไม่หลับ (Insomnia) คืออะไร

อาการนอนไม่หลับรูปแบบต่างๆ

  • นอนหลับยาก ต้องใช้ระยะเวลานานเกินสามสิบนาทีถึงจะหลับได้
  • หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืนโดยตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อใช้เวลามากกว่า 30 นาที เมื่อมีอาการดังกล่าวจะทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน 
  • ตื่นเช้าก่อนเวลาที่จะต้องการตื่นจริง
 
ปรึกษาอาการนอนไม่หลับกับจิตแพทย์ที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ฟรีค่าจัดส่งยาถึงบ้าน

ผลเสียของการนอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับนอกจากจะทำให้รำคาญใจเมื่อถึงเวลาที่ต้องนอนหลับพักผ่อนแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้านได้ดังนี้

  • รู้สึกเหนื่อย อ่อนแรงในตอนกลางวัน 
  • ง่วงนอนระหว่างวันตลอดเวลาไม่สดชื่น 
  • สมาธิ ความจำแย่ลง การจดจำแย่ลง
  • มีปัญหาทางด้านอารมณ์ รู้สึกหงุดหงิด วิตกกังวล
  • ปวดศีรษะ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร 
  • เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน
  • เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย
  • เสี่ยงต่อโรคทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า มีความคิดอยากตาย 
  • อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
  • มีปัญหาในการเข้าสังคม การทำงาน และการเรียน
  • มีปัญหาพฤติกรรม เช่น อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น ก้าวร้าว
  • ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต
  • มีความกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับ
 
อย่าปล่อยให้อาการนอนไม่หลับเรื้อรัง! มาดูวิธีเอาชนะอาการนอนไม่หลับ ที่จะช่วยให้คุณหลับสบาย

สาเหตุของการนอนไม่หลับ

นอนไม่หลับเกิดจากอะไร

สาเหตุของการนอนไม่หลับนั้นสามารถแบ่งตามปัจจัยต่าง ๆ ได้ดังนี้

ปัญหาทางด้านร่างกาย 

  • อาการนอนไม่หลับที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยรุ่นทำให้รูปแบบการนอนเปลี่ยนไป
  • มีอาการกรดไหลย้อน 
  • มีอาการเจ็บปวด เช่น ปวดท้อง ปวดตามเนื้อตัวทำให้นอนไม่หลับ
  • หยุดหายใจขณะหลับ 
  • ดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ทำให้นอนหลับยาก

ปัญหาด้านพฤติกรรม

  • ใช้เวลาทำกิจกรรมบนที่นอน ที่ไม่ใช่การนอนหลับหรือ Sex มากเกินไป
  • การนอนกลางวัน

ปัญหาทางด้านจิตใจ และความคิด

ปัญหาด้านสภาพแวดล้อม

  • มีแสงสว่างหรือเสียงที่รบกวนการนอนหลับ
  • อุณหภูมิห้องสูง 
  • การทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนเวลานอนตลอดเวลา

อาการนอนไม่หลับแบบไหนจึงควรพบจิตแพทย์

นอนไม่หลับแบบไหนควรพบแพทย์

หากมีอาการนอนไม่หลับจนทำให้เกิดผลกระทบดังนี้ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์โดยด่วน 

  • มีอาการนอนไม่หลับ นอนหลับแล้วสะดุ้งตื่นกลางดึก นอนแล้วกระตุก ติดต่อกันอย่างน้อย 3 วัน/ สัปดาห์ เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
  • รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลาไม่สดชื่นในตอนกลางวัน ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น
  • สมาธิ ความจำ แย่ลง อารมณ์และจิตใจขุ่นหมอง ไม่สดใส กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน

การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia Disorder)

ผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับ (Insomnia) ทุกรายไม่ได้จำเป็นต้องเป็นโรคนอนไม่หลับเสมอไป การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับอาศัยการสัมภาษณ์ประวัติโดยแพทย์โดยประวัติที่ได้อาจมาจาก ผู้ป่วยหรือญาติ

โดยเกณฑ์การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับเรื้อรังในปัจจุบันอาศัยเกณฑ์ The International Classification of Sleep Disorders 3rd version จัดทำโดยสมาคมวิชาชีพด้านการแพทย์เฉพาะทางด้านยานอนหลับของสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

  1. ผู้ป่วยหรือญาติรายงานปัญหาการนอนหนึ่งในข้อต่อไปนี้
    • มีปัญหาเข้านอนยากในช่วงแรก
    • มีความลำบากในการนอนอย่างต่อเนื่อง
    • ตื่นเร็วกว่าที่ตั้งใจ
    • ในกรณีของเด็กจะปฏิเสธการเข้านอนตามเวลาที่กำหนด
    • ในกรณีของเด็กมีการเข้านอนหลับยากถ้าไม่มีผู้ดูแลคอยช่วยเหลือ
  1. ผู้ป่วยหรือญาติรายงานอาการระหว่างวันข้อใดต่อไปนี้
    • เหนื่อยล้า
    • สมาธิ ความจำแย่ลง
    • มีปัญหาในการเข้าสังคม การงาน และ การเรียน
    • มีปัญหาอารมณ์แปรปรวน หรือ หงุดหงิด
    • ง่วงนอนระหว่างวัน
    • มีปัญหาพฤติกรรม เช่น อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น ก้าวร้าว
    • ขาดพลังงานในการใช้ชีวิต
    • ผิดพลาดหรือเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
    • มีความกังวลหรือไม่พอใจเกี่ยวกับการนอน
  1. ภาวะที่เป็นไม่ได้เกิดจากโอกาสในการนอนที่ไม่เพียงพอ หรือ สภาพแวดล้อมการนอนที่ไม่เหมาะสม
  2. ปัญหาการนอนและอาการระหว่างวันเกิดขึ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง / สัปดาห์
  3. ปัญหาการนอนและอาการระหว่างวันเกิดขึ้นอย่างน้อย 3 เดือน
  4. อาการที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายจากโรคความผิดปกติในการนอนหลับชนิดอื่น

การรักษาโรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับเกิดได้จากหลายสาเหตุ ก่อนรักษาด้วยการใช้ยาและไม่ใช้ยา ควรพบแพทย์เพื่อสาเหตุที่แท้จริงก่อนการรักษา สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคไบโพลาร์ และสาเหตุจากโรคทางกาย เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ปวดเรื้อรัง ปัญหาการใช้สารเสพติด เป็นต้น

รักษาโรคนอนไม่หลับโดยไม่ใช้ยา

สำหรับการรักษาโรคนอนไม่หลับโดยการไม่ใช้ยานั้น แพทย์จะเน้นการทำกิจกรรมบำบัดด้านพฤติกรรม เช่น 

  • สุขอนามัยในการนอนหลับ
    • หลีกเลี่ยงการใช้สารกระตุ้นระหว่างวัน หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
    • ใช้เวลาผ่อนคลายอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน 
    • จัดห้องนอนให้ เงียบ เย็น และ มืดสนิท 
    • เข้านอนและตื่นนอนตรงเวลาสม่ำเสมอ
  • เทคนิคผ่อนคลายความเครียด เช่น การฝึกหายใจเข้าออก การใช้จินตภาพบำบัด 
  • การรักษาโรคนอนไม่หลับด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการนอน (Cognitive Behavioral Therapy for insomnia) เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยเพิ่มทักษะของการผ่อนคลาย
 
ปรึกษาวิธีการรักษาโรคนอนไม่หลับกับจิตแพทย์ที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง ฟรีค่าจัดส่งยาถึงบ้าน